วิเคราะห์ชวนคิด? ‘ศึกกลางเมือง’

เกมอำนาจ ชนชั้นนำหลังรัฐประหาร 19 ก.ย.2549…ใครได้ – ใครเสียประโยชน์

 

วิเคราะห์ชวนคิด? ‘ศึกกลางเมือง’ 

 

          “รากเหง้าของปัญหา เป็นสิ่งที่ก่อตัวมาระยะหนึ่ง และสะสมสลับซับซ้อน ยากที่จะสามารถตอบได้ว่ารากของปัญหาจริงๆ เกิดขึ้นมาจากเหตุใด เหตุหนึ่ง เหตุเดียว ทำให้การหาแนวทางแก้ไขเป็นเรื่องยากที่จะเลือกทางใดทางหนึ่ง ความจริงแล้วการมองปัญหาต่างๆ ที่เกิดนั้น หากเข้าใจธรรมชาติของปัญหาแล้วจะพบว่า ความวุ่นวายทั้งหมดนี้เกิดมาจากปัญหาของชนชั้นนำที่มีความขัดแย้งกันเอง

   

          …นี่เป็นส่วนหนึ่งจากบทวิเคราะห์ หัวข้อ สงครามกลางเมือง.-.ความแตกแยกของคนในชาติ.-.ฉากทัศน์แห่งความรุนแรงที่ไม่อยากให้ไปถึงในเว็บไซต์ ทอทหารหรือเว็บฯ http:// tortaharn.net

   

          สถานการณ์ม็อบแดงถึงวันนี้เป็นอย่างไร…นั่นก็ฉากหนึ่ง

   

          แต่กับฉากวันวาน-ฉากต้นๆ แห่งเหตุในวันนี้…น่าคิด ??

   

          ทั้งนี้ ในบทวิเคราะห์ดังกล่าวนี้ ระบุไว้อีกว่า…เมืองไทยหลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ทาง กองทัพเริ่มกลับเข้าสู่การเมืองอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม บทบาททางการเมืองของ ทหารครั้งนี้ แม้จะช่วยสร้างเสถียรภาพของประเทศได้ แต่ก็แค่ระยะหนึ่ง และไม่ได้แก้ปัญหาสลับซับซ้อนที่มีอยู่ ทำให้ยังคงเกิดการเคลื่อนไหวต่างๆ ประกอบกับยุคปัจจุบันการสื่อสารโดยตรงระหว่างประชาชนเป็นไปได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และมีรูปแบบหลากหลาย

   

           “ชนชั้นนำที่ เสียประโยชน์ได้ใช้ช่องทางการสื่อสารนี้เองในการสื่อสารทางการเมืองกับ ประชาชนเพื่อสู้กับชนชั้นนำที่ ได้ประโยชน์และก็นำสู่ ความขัดแย้งที่ต่อเนื่องยาวนาน

   

            ประเด็นคือ… กลุ่มชนชั้นนำ-กลุ่มทุน 2 ฝ่าย คือฝ่าย  อนุรักษนิยมและฝ่าย ก้าวหน้าแต่ละฝ่ายต่างต้องการที่จะมีอำนาจทางการปกครอง-ทางการบริหารของประเทศ นั่นคือการเป็นรัฐบาล เพราะเมื่อเป็นแล้วจะสามารถอนุมัตินโยบายสาธารณะ โครงการ กิจกรรมต่างๆ พร้อมทั้งทำการแบ่งปันจัดสรรงบประมาณแผ่นดินต่างๆ ตามลงไป ซึ่งแต่ละฝ่ายก็จะใช้วิธีดำเนินการและเครื่องมือที่ตนมี เป็นแนวทางในการดำเนินไปสู่อำนาจ

   

             เพื่อที่จะใช้อำนาจในการจัดสรร จัดการ แจกจ่าย ผลประโยชน์กัน โดยอาศัยอำนาจเป็นสิ่งคุ้มครอง และเป็นความชอบธรรม ในการคอยป้องกันเพื่อให้กลุ่มของตนได้รับประโยชน์ตามที่ต้องการ

   

             กับสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่ บทวิเคราะห์ในเว็บไซต์  ทอทหารชี้ว่า… ความขัดแย้งนั้นอยู่ในสถานะที่ชนชั้นนำกลุ่มทุนเก่า(อนุรักษ์นิยม) เป็นฝ่ายครองอำนาจรัฐ และกลุ่มทุนใหม่(ก้าวหน้า) เป็นฝ่ายท้าทายและพยายามต่อสู้เพื่อให้ได้อำนาจคืน หลังจากที่เสียไปจากการรัฐประหารของฝ่ายทหาร กลุ่มทุนเก่าซึ่งมีอำนาจทางการบริหาร ก็ใช้อำนาจที่มีสั่ง เจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายต่างๆ เพื่อสร้างเสถียรภาพ โดยใช้ชุดความคิดเรื่อง รัฐชาติที่มีสถาบันหลักของชาติเป็นจุดศูนย์กลางชุดความคิด ขณะที่กลุ่มทุนใหม่ก็ต้องเลือก 1 ใน 2 แนวทางการคืนอำนาจ

   

             การได้มาซึ่งอำนาจมี 2 แนวทางคือ 1. การแข่งขันเลือกตั้ง และ 2. การล้มล้างรัฐบาล แต่การเลือกตั้งเป็นสิ่งที่กลุ่มทุนใหม่รอไม่ได้ อีกทั้งกลุ่มทุนเก่าเริ่มได้รับการยอมรับจากประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ จาก นโยบายประชานิยมเช่นเดียวกับกลุ่มทุนใหม่ ดังนั้น กลุ่มทุนใหม่จึงต้องเลือกแนวทางที่ 2 เพื่อจัดการกับกลุ่มทุนเก่า

   

              แนวทางที่ 2 นี้ สิ่งที่กลุ่มทุนใหม่จำเป็นต้องอาศัย คือ ประชาชนและ การเคลื่อนย้ายประชาชนต้องขับเคลื่อนโดยการใช้ประชาชนส่วนใหญ่เป็นฐานอำนาจ โดยใช้ชุดความคิด อุดมการณ์ทางการเมือง-ประชาธิปไตยที่สอดคล้องกับกระแสโลกาภิวัตน์ในปัจจุบัน เป็นจุดศูนย์กลาง

   

              อย่างไรก็ตามกับ จุดสำคัญที่ประชาชนคนไทย ไม่ว่าจะเลือกสีไหนหรือไม่-อย่างไร น่าจะได้พิจารณา คือเนื้อหาอีกส่วนหนึ่งในบทวิเคราะห์ในเว็บไซต์ทอทหาร ที่ว่า… ปัญหาภาพรวมของประเทศนั้น โดยทั่วไปจะเกี่ยวข้องกับ การเมือง ตัวเลขจีดีพี ตลาดทุน การลงทุนของต่างชาติ การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ประโยชน์ของกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เมื่อมีปัญหา ชนชั้นนำในสังคมจะได้รับผลกระทบรุนแรง ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็น ชนชั้นกลาง-ชนชั้นรากแก้วจะมีปัญหาจากเรื่องปากท้อง ความไม่เท่าเทียมต่างๆ คุณภาพชีวิต สิทธิต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมามักจะเป็นเรื่องที่ได้รับการดูแลให้ความสนใจจากรัฐในระดับที่ต่ำ หรือน้อยมาก

   

               ทั้งนี้ ในสังคมไทยนั้น ประมาณร้อยละ 20 หรือน้อยกว่า เป็นชนชั้นนำกลุ่มต่างๆ อีกประมาณร้อยละ 80 หรือมากกว่า เป็นชนชั้นกลาง-ชนชั้นรากแก้ว ซึ่งชนชั้นนำที่มีสัดส่วนแค่ร้อยละ 20  กลับก่อให้เกิดผลกระทบในสังคมได้ถึงร้อยละ 80 ขณะที่ชนชั้นกลาง-ชนชั้นรากแก้วที่มีสัดส่วนร้อยละ 80 ก่อให้เกิดผลกระทบแค่ร้อยละ20

   

               “สัดส่วนประชากรกับผลกระทบที่เกิดขึ้น มีลักษณะที่ตรงข้ามกันที่สำคัญ เมื่อชนชั้นนำขัดแย้งกันเอง แย่งชิงอำนาจกัน การจะชนะอีกฝ่ายได้ มีความจำเป็นที่จะต้องนำประชาชนส่วนใหญ่ที่เหลือเข้ามาร่วมในความขัดแย้งด้วย ปัญหาทั้งหมดจึงได้ทวีความ รุนแรง และยากที่จะยุติบทวิเคราะห์ระบุ

   

               ก็เป็นบทวิเคราะห์…ที่สุดแท้แต่ใครจะเห็นต่าง-เห็นพ้อง

   

               “ศึกกลางเมืองไฟการเมือง…ก็สุดแท้แต่ใครจะมอง…

   

                ว่าเกิดเพราะ เกมอำนาจชนชั้นนำใช่หรือไม่ ????.

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

 

 

Update:16-03-53

 

อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

Shares:
QR Code :
QR Code