มากินเจ…สร้างสุข(ภาพ) เสริมภูมิ(คุ้มกัน) กันเถอะ
เทศกาลกินเจของทุกๆ ปีจะตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ซึ่งในปีนี้จะตรงกับวันที่ 15-23 ตุลาคม นับเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่ทุกคนจะมีโอกาสได้ทำบุญถือศีลบำเพ็ญธรรม ไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิต เรียกว่าได้ทั้งความสุขกาย สุขใจและมีสุขภาพดีไปพร้อมกัน ปัจจุบันนี้จึงมีคนรุ่นใหม่และคนวัยทำงานนิยมกินเจมากขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะเป็นเพราะความเชื่อทางศาสนา หรือจากกระแสรักสุขภาพทั่วโลกที่พบว่า อาหารมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพ เช่น สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกาได้แนะนำให้เลือกกินอาหารจากพืชเป็นหลัก สมาคมโรคหัวใจของสหรัฐอเมริกาแนะนำให้เลือกกินอาหารให้สมดุลโดยเน้นอาหารประเภทผักผลไม้และธัญพืช เป็นต้น
ปัจจุบันมีงานวิจัยจำนวนมากพบว่า การกินเจหรืออาหารมังสวิรัติจะช่วยลดอัตราการเจ็บป่วยหรืออัตราการตายจากโรคเรื้อรังชนิดไม่ติดต่อต่างๆ ได้ ส่วนในกลุ่มที่ไม่กินมังสวิรัตินั้นจะมีแนวโน้มที่มีความดันโลหิตสูง เกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และปอด รวมถึงมีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง เป็นต้น
ตามธรรมเนียมนิยมแต่โบราณ การกินเจจะงดกินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ทุกชนิดจากสัตว์ เช่น ไข่ นม น้ำผึ้ง รวมถึงผักที่มีกลิ่นฉุนบางชนิด เช่น กุยช่าย หัวหอม กระเทียม เป็นต้น ดังนั้นผู้ที่กินเจจะกินโปรตีนจากธัญพืชชนิดต่างๆ และเห็ดแทน ซึ่งเห็ดนั้นมีสารอาหารสำคัญหลายชนิด เช่น โปรตีน ใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ โดยเฉพาะธาตุเหล็กและซีลีเนียมซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังมีเห็ดบางชนิด ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในการป้องกันและบำบัดโรคจนได้รับการขนานนามว่า “เห็ดทางการแพทย์ (Medicinal Mushrooms)” ได้แก่ เห็ดยามาบูชิตาเกะ (เห็ดปุยฝ้าย) เห็ดไมตาเกะ เห็ดฮิเมะมัตสึทาเกะ เห็ดชิตาเกะ เห็ดหลินจือ ถั่งเฉ้า เห็ดแครง เป็นต้น
เนื่องด้วยสรรพคุณทางยาที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเห็ดเหล่านี้ ทำให้ปัจจุบันเห็ดทางการแพทย์หลายชนิดกลายเป็นที่นิยม และถูกนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและใช้เป็นตัวยาในการรักษาโรค เช่น ส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงหลอดเลือด และยับยั้งกระบวนการอักเสบภายในร่างกาย ซึ่งมีการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ระดับนานาชาติมากมาย เช่น International Journal of Medicinal Mushrooms เป็นต้น ตัวอย่างเห็ดทางการแพทย์ ที่นิยม ได้แก่
เห็ดยามาบูชิตาเกะ เป็นเห็ดที่หายาก ซึ่งพบได้ตามป่าธรรมชาติในภูเขาที่อุดมสมบูรณ์ จึงได้รับการขนานนามว่า “Mountain Hidden Mushroom” และมีงานวิจัยทางการแพทย์พบว่า ในเห็ดยามาบูชิตาเกะ มีสารโพลิแซ็คคาไรด์ ที่ชื่อว่า เบต้า-กลูแคน ซึ่งมีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพภูมิคุ้มกันในร่างกาย
เห็ดหลินจือ เป็นเห็ดที่ชาวจีนนิยมใช้ในการบำบัดโรคและบำรุงร่างกายมาอย่างยาวนาน โดยในตำราการแพทย์ของจีนระบุไว้ว่าใช้บำรุงร่างกายเป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน กำจัดสารพิษในร่างกายและบำรุงตับ
นอกจากรู้จักเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันแล้ว ผู้ที่กินเจควรเลือกบริโภคอาหารเจอย่างถูกวิธี โดยสารอาหารที่ต้องเน้นเป็นพิเศษนอกเหนือจากโปรตีนคือ อาหารที่มีธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามินบี 2 วิตามินบี 12 วิตามินดีและสังกะสี
เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน ด้วยการกินผักผลไม้อย่างหลากหลาย ระวังเรื่องชนิดและปริมาณไขมันในอาหารเจที่สำคัญควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้เบิกบานและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและมีสุขภาพที่สมบูรณ์
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ โดย ดร.เอกราช บำรุงพืชน์ ชมรมโภชนวิทยามหิดล