พิทักษ์ผลประโยชน์คนดูหน้าจอ งานนี้จะลงเอยอย่างไร

 

 

 

              โพลหนุนคนดูค้านแนวทางสคบ.อุ้มโฆษณาแฝงให้ถูกกฎหมาย นับเวลาจริงเกิน 12.30 นาที แถมเห็นโฆษณาแฝงละเมิดสิทธิ เอ็นจีโอเผยสคบ.ใช้นิยามปรากฏของสินค้าไม่นับรวมโฆษณาแฝงทำได้เต็มที่ หวั่นถูกใช้เป็นบรรทัดฐานออกกฎหมายในอนาคต เตรียมยื่นฟ้องหากโฆษณาเกินเวลาที่กฎหมายเดิมคุม

 

              นางอัญญาอร พานิชพึ่งรัถ ประธานเครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เปิดเผยว่า จากแบบสำรวจความคิดเห็น “ความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อโฆษณาแฝง” กับกลุ่มตัวอย่างอายุระหว่าง 12-70 ปีระหว่างวันที่ 13-14 พ.ย. จำนวน 232 คน พบว่า ส่วนใหญ่กว่า 72 %ไม่เห็นด้วยกับร่างแนวทางที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กำลังพิจารณาที่มีเนื้อหาระบุให้การปรากฎเห็นสินค้าในรายการโทรทัศน์ไม่ถือว่าเป็นการโฆษณาแฝง ทำให้มีโฆษณาแฝงเกิน 12.30 นาทีต่อชั่วโมงตามที่กฎหมายระบุไว้ ซึ่งมีกลุ่มตัวอย่างเพียง37.1 % เท่านั้นที่ทราบว่ามีกฎหมายคุมปริมาณโฆษณาแฝงดังกล่าว 

 

               กลุ่มตัวอย่าง 72.8 % เคยเห็นโฆษณาแฝงในละคร , 72.4 % เคยเห็นโฆษณาแฝงในซิทคอม , 69.4 % เคยเห็นโฆษณาแฝงในเกมโชว์, 53.9 % เคยเห็นโฆษณาแฝงในข่าว,23.3 % เคยเห็นโฆษณาแฝงในสารคดี , 35.8 % เคยเห็นโฆษณาแฝงในรายการเด็ก และ 3.0 % เคยเห็นโฆษณาแฝงในรายการอื่นๆนางอัญญาอร กล่าว

 

              นางอัญญาอร กล่าวว่า ทั้งนี้เกือบ 2 ใน 3 หรือ 65.1 % คิดว่าโฆษณาแฝงในรายการโทรทัศน์ต่างรุกล้ำสิทธิของผู้บริโภค เหตุผลเพราะ 97.0 % คิดว่าโฆษณาแฝงในเนื้อหารายการโทรทัศน์ หวังผลประโยชน์ทางธุรกิจ และ 86.2 % ยอมรับว่าโฆษณาแฝงเป็นปัญหาและคิดว่าควรเปิดเผยข้อมูลรายได้จากโฆษณาแฝง และการตรวจสอบทางการเงิน ตลอดจนระบบการเสียภาษีให้หน่วยงานรัฐ

 

               มองเห็นความพยายามและตั้งใจดีของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตยที่กล้าเข้ามาดูแลปัญหาเรื่องนี้ แต่เมื่อเห็นร่างแนวทางการปรากฏของสินค้าในรายการโทรทัศน์ที่ออกมาโดยสคบ. คิดว่าไม่ได้สอดคล้องกับความพยายามแก้ไขปัญหาเลย ในทางกลับกันจะยิ่งทำให้โฆษณาแฝงนี้มีความถูกต้อง ชอบธรรมตามกฏหมาย และยังจะทำให้มีโฆษณาแฝงมากขึ้นกว่าที่เคยมีนางอัญญาอร กล่าว

 

              น.ส.ทัศนีย์ แน่นอุดร หัวหน้าฝ่ายเผยแพร่ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ตัวแทนฝ่ายภาคประชาชนในคณะอนุกรรมการพิจารณาร่างแนวทางฯ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับร่างแนวทางดังกล่าว เพราะเป็นการทำให้สิ่งที่ผิดกฎหมายอย่างการโฆษณาแฝงเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย จากการที่ร่างแนวทางระบุให้การปรากฏของสินค้าในรายการโทรทัศน์ อาทิ การที่ตัวแสดงใส่เสื้อโลโก้สินค้า การหยิบจับสินค้า  ฯลฯ ไม่ถือว่าเป็นการโฆษณาแฝง แต่ต้องดำเนินการตามที่กำหนด อย่างเทปบันทึกภาพโฆษณาสินค้าที่ปรากฏสามารถแพร่ภาพได้ โดยไม่ถือว่าเป็นโฆษณาแฝง แต่ต้องแพร่ภาพ 1 ชั่วโมงไม่เกิน 1 นาที และแต่ครั้งละ ไม่เกิน 5 วินาที 

 

               นอกจากนี้สคบ.พยายามทำสิ่งผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมายแล้ว ยังถือว่าไม่ได้เป็นการบรรเทาปัญหาในเรื่องการโฆษณาแฝงที่มี ปัจจุบันนี้ ในไทยมี12.30 นาที ถือว่ามากเกินไปแล้ว ซึ่งไม่มีที่ใดในโลกทำ แนวทางดังกล่าวแม้จะไม่ใช่กฎหมายแต่อาจถูกนำไปใช้เป็นบรรทัดฐานในการออกกฎหมายในอนาคตได้ ซึ่งความจริงแล้วควรจะจำกัดให้ทั้งโฆษณาปกติและโฆษณาแฝงรวมเวลาอยู่ในระยะเวลานี้น.ส.ทัศนีย์ กล่าว

 

              น.ส.กรรณิการ์ กิจติเวชกุล กรรมการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ในการประชุมครั้งล่าสุดตนเองได้เสนอให้แนบท้ายข้อความในร่างแนวทางฯที่จะต้องเสนอให้นายสาทิตย์ลงนามว่า ร่างแนวทางฯจะต้องไม่มีผลผูกพันกับกฎหมายใดๆในอนาคตทั้งสิ้น เพราะเกรงว่าจะถูกใช้เป็นบรรทัดฐานในการออกกฎหมายควบคุมโฆษณาแฝงในอนาคต ซึ่งเท่ากับว่าโฆษณาแฝงจะใช้เวลามากกว่า 12.30 นาที

 

               นอกจากนี้ยังให้ระบุว่า ผู้บริโภคสามารถฟ้องร้องได้ หากมีการโฆษณาแฝงเกินกว่าเวลาที่กฎหมายระบุ ซึ่งขณะนี้ทางภาคประชาชนกำลังหารือทางประเด็นกฎหมายเพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อไป เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องผิดกฎหมายชัดเจน แต่ สคบ.พยายามทำให้เป็นเรื่องถูกกฎหมายน.ส.กรรณิการ์ กล่าว 

 

 

 

 

ที่มา : สำนักข่าว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.

 

 

 

 

Update 24-11-52

 

 

 

 

อัพเดทเนื้อหาโดย : ฤทัยรัตน์ ไกรรอด

 

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code