ผู้นำศาสนาควรแสดงบทบาทต่อต้านบุหรี่

 

ปัจจุบันกฎหมายเพื่อคุ้มครองผู้ไม่สูบบุหรี่ ได้กำหนดสถานที่ปลอดบุหรี่ไว้จำนวนมาก ซึ่งศาสนสถานถือเป็นสถานที่หนึ่งที่ห้ามสูบบุหรี่ โดยมีการศึกษาวิจัยเพื่อนำไปสู่การรณรงค์ให้ศาสนสถานเป็นสถานที่ปลอดบุหรี่ โดยศูนย์วิจัยและการจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) และมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ (มสบ.) ร่วมกับ สำนักวิจัยเอแบค โพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้ร่วมทำการศึกษา  เรื่อง พฤติกรรมและความคิดเห็นต่อการสูบบุหรี่ของผู้นำศาสนา : กรณีศึกษาพระและผู้นำทางศาสนา ในกลุ่มตัวอย่างผู้นำทางศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม จำนวน 905 ตัวอย่าง ในเขต กทม. และจังหวัดภูมิภาค เช่น เชียงใหม่ ชลบุรี นครราชสีมา และสงขลา ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. 52-8 มิ.ย. 52

ดร.ศิริวรรณ พิทยรังสฤษฏ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า ผลการศึกษาพบว่า ผู้นำศาสนาเกินครึ่ง หรือ 52.7% ระบุว่า เคยสูบบุหรี่/ยาสูบมาก่อน ซึ่งปัจจุบันบางท่านเลิกสูบแล้ว คงเหลือผู้ที่สูบอยู่ในปัจจุบันคิดเป็น 31% ของผู้นำศาสนา โดยผู้ที่เคยลองสูบมีอายุเฉลี่ยที่สูบบุหรี่ครั้งแรก คือ 17 ปี   ประเภทของยาสูบที่ใช้ เป็นประเภทบุหรี่ซองมากที่สุด รองลงมาคือ ยาสูบมวนเอง ยาเส้น ซิก้าร์ ไปป์ เมื่อคิดปริมาณการสูบโดยเฉลี่ยพบว่า อยู่ที่วันละ 11 มวน

ดร.นพดล กรรณิกา ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน  (เอแบคโพลล์)  มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า ที่น่าเป็นห่วงคือ กลุ่มตัวอย่างที่ยังสูบบุหรี่ 95% ระบุว่า สูบในเขตศาสนสถาน สถานที่ที่สูบ คือ ห้องนอนส่วนตัว ใต้ต้นไม้ ในอาคารพักอาศัย สนาม นอกอาคาร สุขา โดยมีเพียง 5% ที่ระบุว่า สูบในขณะที่อยู่นอกศาสนสถาน ส่วนช่องทางที่ได้บุหรี่/ยาสูบ มานั้น ส่วนใหญ่ซื้อเอง และรองลงมาระบุว่า ฝากบุคคลอื่นซื้อ และศาสนิกชนนำมาถวาย หรือ ได้รับจากคนสนิท

“เมื่อถามกลุ่มตัวอย่าง พบว่า กลุ่มที่อยากจะเลิกสูบยามี 57.2% โดยให้เหตุผลว่า ทราบว่าการสูบบุหรี่ไม่ดีต่อสุขภาพ ทำให้เกิดโรคประจำตัวต่างๆ ทำให้โรคกำเริบ และบุหรี่มีราคาแพงขึ้น ในขณะที่ 24.5% ของกลุ่มตัวอย่างที่ยังสูบบุหรี่ ระบุว่า คิดจะเลิกสูบบุหรี่ แต่ไม่ใช่ในเร็วๆ นี้ และ 18.3% ระบุว่า ยังไม่คิดเลิกสูบบุหรี่ เพราะเวลาไม่สูบจะหงุดหงิด  โดยกลุ่มตัวอย่าง 3 ใน 4 ระบุว่า “การที่ผู้นำศาสนาสูบบุหรี่ ทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบในเยาวชนได้”

ดร.นพดล กล่าวว่า ผลการศึกษาครั้งนี้ยังชี้ให้เห็นว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 85.3% เห็นด้วย หากจะ “รณรงค์” ไม่ให้ ศาสนิกชนถวาย ให้บุหรี่ ยาสูบ แก่ผู้นำทางศาสนา มีเพียง 6.9% ระบุไม่เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ระบุว่า การสูบบุหรี่ต่อหน้าสาธารณชนเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และยังไม่เห็นด้วยในการถวายบุหรี่/ยาสูบ ของศาสนิกชน โดยกลุ่มตัวอย่างครึ่งหนึ่งหรือ 55.1% เห็นว่า ผู้นำศาสนาควรจะปฏิเสธ หากศาสนิกชนนำบุหรี่ยาสูบ มาถวาย โดยให้เหตุผลว่า ไม่เหมาะสมเพราะเป็นสมณเพศ ไม่ควรยุ่งกับสิ่งเสพติด ซึ่งถือว่าเป็นการผิดวินัย

ด้าน ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ผู้นำศาสนาเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั่วไป และเป็นผู้นำทางความคิดของสังคม สมควรอย่างยิ่งที่จะเข้ามาแสดงบทบาทนำในการแก้ปัญหาการสูบบุหรี่ ซึ่งสาเหตุของการป่วยและเสียชีวิตก่อนเวลาที่สำคัญที่สุดของคนไทยปีละ 48,000 กว่าคน ทั้งนี้ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 19 ได้กำหนดให้ศาสนสถานอันรวมถึงวัด มัสสยิดและโบสถ์ ต้องปลอดบุหรี่ทั้งหมด ผู้นำศาสนาทุกคนจึงควรเป็นแบบอย่าง โดยไม่สูบบุหรี่ในบริเวณวัด มัสยิด และโบสถ์ ยกเว้นในกุฏิส่วนตัว หรือที่ที่ลับตาประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนทั่วไป

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

Shares:
QR Code :
QR Code