ปี 67 ความรุนแรงในครอบครัว พุ่ง 71% “ยาเสพติด-หึงหวง-สุขภาพจิต” เป็นตัวกระตุ้นหลัก สสส. – ภาคี ผลักดัน 7 ข้อเสนอยุติวงจรความรุนแรงในครอบครัว
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข
ภาพประกอบจาก สสส.

เปิดตัวเลขสุดช็อก! ปี 67 มีผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว พุ่งสูง 71% ถูกทำร้ายร่างกาย 73.08% ล่วงละเมิดทางเพศ 16.84% กระทำอนาจาร-ทอดทิ้ง 10.07% ยาเสพติด-หึงหวง-สุขภาพจิต เป็นตัวกระตุ้นหลัก! สสส. สานพลัง มูลนิธิเพื่อนหญิง-ภาคีเครือข่าย สะท้อนความรุนแรงผ่าน 4 พื้นที่นำร่อง ผลักดัน 7 ข้อเสนอยุติความรุนแรงถึงพรรคการเมือง หวังลดความรุนแรงในสังคมอย่างแท้จริง!
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 พ.ย. 2568 ที่โรงแรมทีเค พลาเลส กรุงเทพฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อนหญิง เครือข่ายสตรี 4 ภาค และเครือข่ายพัฒนากลไกสหวิชาชีพพื้นที่นำร่อง 4 จังหวัด จัดกิจกรรมเสวนาหัวข้อ “How to..นักการเมืองหญิง ร่วมผลักดัน ท้องถิ่น ชุมชนจัดการความรุนแรงในครอบครัว 24 ชม.” ภายใต้โครงการขับเคลื่อนนโยบายและพัฒนากลไกป้องกันแก้ไขความรุนแรงบนฐานเพศ พร้อมยื่นข้อเสนอการแก้ปัญหาความรุนแรงต่อพรรคการเมือง 4 พรรค พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยและรับมือกับปัญหาความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ เนื่องในเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี

นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ปัญหาความรุนแรงในสังคมไทย ยังคงมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จากข้อมูลของศูนย์พึ่งได้ (OSCC) กระทรวงสาธารณสุข ปี 2567 พบ ผู้ถูกกระทำความรุนแรงทางร่างกาย จิตใจ โดยคุกคามและละเมิดทางเพศ เข้ารับบริการผ่านสายด่วน สูงถึง 17,913 คน แบ่งเป็นผู้หญิง 15,899 คน ผู้ชาย 1,981 คน เพศทางเลือก 33 คน และยังมีอีกจำนวนมากที่เก็บเรื่องเงียบ เพราะความกลัวและไม่กล้าขอความช่วยเหลือ ขณะที่ข้อมูลจากศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน ศรส. หรือ สายด่วน พม. 1300 พบ ผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว 4,833 คน ผู้ถูกกระทำอกนา มี้องเรี สตรี และครอบครัว เป็นคนในครอบครัว 3,421 คน หรือ 71% เป็นคนนอกครอบครัว 1,412 คน หรือ 29% โดยความรุนแรงที่พบสูงสุด คือ ถูกทำร้ายร่างกาย 3,532 คน หรือ 73.08% รองลงมา คือ ถูกล่วงละเมิดทางเพศ 814 คน หรือ 16.84% และอื่นๆ เช่น ถูกกระทำอนาจาร ถูกทอดทิ้ง 487 คน หรือ 10.07% ซึ่งปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความรุนแรง คือ ปัญหายาเสพติด บันดาลโทสะ หึงหวง และปัญหาสุขภาพจิต ตามลำดับ
“สสส. มุ่งผลักดันให้ประเด็นความรุนแรงเป็นประเด็นสาธารณะ ขับเคลื่อนผ่านยุทธศาสตร์การทำงานเพื่อลดความรุนแรง 5 ด้าน 1.พัฒนาองค์ความรู้ งานวิชาการ และแนวปฏิบัติลดความรุนแรง 2.พัฒนาต้นแบบ กระบวนการ นวัตกรรมลดความรุนแรง 3.พัฒนาและเสริมศักยภาพแกนนำ เครือข่ายลดความรุนแรง 4.ขับเคลื่อนนโยบายลดความรุนแรง 5.พัฒนาเครื่องมือสื่อสารเพื่อสร้างทัศนคติในการลดความรุนแรง โดยการดำเนินงานครั้งนี้ สสส. เปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนสะท้อนวิกฤตความรุนแรงในครอบครัว โดยต้องอาศัยการทำงานทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน หน่วยงานรัฐ เอกชน เพื่อผลักดันให้เกิดเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายและแก้ไขกฎหมาย ซึ่งสิ่งสำคัญคือประชาชนต้องมีความตระหนักและร่วมกันสร้างสังคมที่ดี จะช่วยลดและป้องกันความรุนแรงบนฐานเพศได้” นางภรณี กล่าว

นางสาวธนวดี ท่าจีน ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่า จากการเก็บข้อมูลของมูลนิธิฯ ร่วมกับเครือข่ายสหวิชาชีพในพื้นที่นำร่อง 4 จังหวัด ได้แก่ น่าน อุบลราชธานี สงขลา และปัตตานี พบว่า มีกลุ่มครอบครัวถูกกระทำด้วยความรุนแรง เข้าสู่กระบวนการคุ้มครองบำบัดฟื้นฟูแล้ว 33 ครอบครัว รวม 276 คน และยังมีครอบครัวที่อยู่ในกระบวนการจัดทำข้อมูล 75 ครอบครัว โดยมูลนิธิจะนำข้อมูลครอบครัวเปราะบางเหล่านี้ มาถอดบทเรียนเรื่องการคุ้มครอง การบำบัดฟื้นฟูร่างกาย จิตใจ ของผู้ถูกกระทำและสมาชิกทุกคนในครอบครัว เพื่อสร้างการเรียนรู้ พัฒนากลไก ตลอดจนข้อเสนอเชิงนโยบายที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม สามารถคุ้มครองป้องกันการถูกกระทำ และไม่ส่งต่อความรุนแรงจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างแท้จริง
นางสาวธนวดี กล่าวต่อว่า มูลนิธิเพื่อนหญิง มีข้อเสนอเชิงนโยบาย 7 ข้อ 1.ประกาศให้ประเด็นความรุนแรงในครอบครัว การปราบปรามยาเสพติด การดูแลผู้ป่วยจิตเวช เป็นวาระแห่งชาติ 2.เร่งปฏิบัติการให้กระทรวงมหาดไทย มีบทบาทเป็นศูนย์กลางขับเคลื่อนกลไกภาคปฏิบัติระดับพื้นที่ 3.ยกระดับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการปราบปรามยาเสพติด ควบคุมเวลาการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างจริงจัง 4.กรมการส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องจัดให้มีนักสังคมสงเคราะห์วิชาชีพบริการประชาชน เพื่อให้คำปรึกษารับเรื่องร้องทุกข์ 5.จัดสรรงบประมาณที่เพียงพอให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ สำหรับการประชุมและการปฏิบัติการคุ้มครองบุคคลในครอบครัว ผ่านศูนย์พึ่งได้ 6.สนับสนุนให้มีเครือข่ายผู้ประกอบวิชาชีพที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในส่วนกลาง และจังหวัด 7.ผลักดันให้สภาผู้แทนราษฎร เร่งตรวจสอบรายชื่อประชาชนที่เสนอร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. … (ฉบับภาคประชาชน) จำนวน 26,729 รายชื่อ และเร่งบรรจุเข้าการพิจารณาในวาระที่ 1 เพื่อให้เกิดผลในภาคปฏิบัติของการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตร ทำให้ทุกพื้นที่มีความปลอดภัย สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและมีความสุข สำหรับทุกคนบนผืนแผ่นดินไทย



