ติดอาวุธปัญญาเยาวชน เท่าทันกลยุทธ์โฆษณา “น้ำเมา”
“สำนึกดี สังคมดี สโลแกนของบริษัทขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คงจะเป็นจริงไม่ได้ในสังคม ถ้าพวกคุณยังเมากันอยู่ แล้วจะเอาสติที่ไหนมาคิดดี ทำดี”
เสียงสะท้อนทางความคิดของเยาวชนชายบ้านกาญจนาภิเษกต่อสื่อโฆษณาของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อหนึ่งในช่วงทำกิจกรรม “จับตามมองสื่อ เพื่อพวกเรารู้เท่าทัน กลยุทธ์น้ำเมา” ในโครงการพลังยังดี อบรมหัวข้อ”สื่อ+เหล้า=?” จัดขึ้นโดย เครือข่ายละครรณรงค์ (ดีดี๊ดี) ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ห้องประชุมศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม
นายสมศักดิ์ ศิริพันธุ์ ผู้อำนวยการเครือข่ายละครรณรงค์ (ดีดี๊ดี) บอกว่า กิจกรรมนี้มีเยาวชนจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก จำนวน 40 คน กิจกรรมในครั้งนี้เปรียบเสมือนการฉีดวัคซีนให้เยาวชนได้มีภูมิคุ้มกันรู้เท่าทันสื่อโฆษณาของบริษัทน้ำเมา และมีความคาดหวังว่า เยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมจะนำความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่ให้กับครอบครัว เพื่อน หรือในชุมชนให้มีความรู้เท่าทันสื่อในยุคปัจจุบัน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อน้ำเมา และสามารถขยายผลการรู้เท่าทันโฆษณาน้ำเมาไปสู่เพื่อนๆ ซึ่งจะนำไปสู่การลดจำนวนนักดื่มหน้าใหม่
บอย (นามสมมุติ) กล่าวว่า ดื่มสุราตั้งแต่อายุ 16 ปี โดยการชักชวนของเพื่อน และในวันที่ก่อคดีต้องโทษก็เป็นวันที่ดื่มอีกเช่นกัน การที่ได้เข้ามาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องดีทำให้เรามีความรู้ว่าสื่อโฆษณาทุกวันนี้มีกลยุทธ์หลอกล่อให้คนอยากดื่มสินค้าของเขา โดยการใช้คำโฆษณาที่โดนใจวัยรุ่น จึงอยากจะฝากถึงเพื่อนๆ ที่ยังดื่มอยู่ว่า ขณะที่คุณดื่มคุณมีความสุขกับเพื่อน แต่หากเมื่อเกิดปัญหาคนที่เสียใจมากที่สุด คือ พ่อแม่ ครอบครัว และอนาคตคุณก็จะหมดไป ที่สำคัญเพื่อนก็จะหายไปด้วย
ด้าน นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก ให้แง่คิดว่า เด็กทุกกลุ่มขาดทักษะในการใช้ชีวิต ซึ่งดูจากคดีอาชญากรรมส่วนใหญ่ ผู้ก่อคดีมักเป็นผู้ที่มีความรู้ หรืออาชีพที่ดี ความผิดพลาดของเด็กในวันนี้ ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองต้องมาทบทวนบทบาทของตนเองด้วยว่า มีส่วนที่ทำให้เด็กเป็นเช่นนี้หรือเปล่า
เด็กเป็นผู้รับผลมาจากผู้ใหญ่ที่ออกแบบชีวิตมาให้ และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้แก่เด็ก
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน