“ดื่มแล้วขับ” ผลกระทบทางสังคม กับกระบวนการยุติธรรมไทย

ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข


ภาพประกอบ สสส.


“ดื่มแล้วขับ” ผลกระทบทางสังคม กับกระบวนการยุติธรรมไทย thaihealth


สสส.-ศวปถ. เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต ถอดบทเรียนความสูญเสียเหตุเมาชนคน ชี้ปัญหาดื่มแล้วขับเป็นภัยสังคม หนุนใช้หลักฐานวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือมาพิสูจน์หักล้างคำกล่าวอ้าง พร้อมถ่วงดุลตำรวจ-อัยการ-ศาล สร้างความเชื่อมั่นตั้งแต่ต้นทาง ด้านภรรยาตำรวจเหยื่อดื่มแล้วขับจังหวัดตรัง ชงรณรงค์ “ดื่มไม่ขับ ไม่ทำร้ายใคร”  


วันที่ 13 ส.ค. 63 ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต ร่วมกับ เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) จัดเสวนาหัวข้อ “ดื่มแล้วขับ”ผลกระทบทางสังคม กับกระบวนการยุติธรรมไทย เพื่อถอดบทเรียนผลกระทบทางสังคมจากคดีเมาแล้วขับ พร้อมเสนอให้มีการแก้ปัญหาดื่มแล้วขับอย่างเร่งด่วน


“ดื่มแล้วขับ” ผลกระทบทางสังคม กับกระบวนการยุติธรรมไทย thaihealth


นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) กล่าวว่า สถิติการดำเนินคดีขับรถในขณะเมาสุราปี 2562 ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2562 เฉพาะเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์มี 33,339 คดี เทียบกับปี 2561 มี 57,048 คดี ลดลงไป 23,709 คดี ขณะที่ปี 2563 สถานการณ์ผู้ขับขี่ดื่มแล้วขับที่บาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. พบว่ามีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับปี 2562 โดยมีสาเหตุจากมาตรการล็อกดาวน์ช่วงระบาดโควิด-19 แต่หลังจากมีมาตรการผ่อนปรนหลังวันที่ 3 พ.ค. ตัวเลขอุบัติเหตุเริ่มมีแนวโน้มกลับมาสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจากอุบัติเหตุทางถนน โดยในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. 62 มีมูลค่าความเสียหาย 77,510 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่าความเสียหาย 59,592 ล้านบาท ลดลง 17,917 ล้านบาท ทั้งหมดนี้สะท้อนความสำเร็จการดำเนินงานเชิงรุกของทุกภาคส่วน ประกอบกับการที่ สสส. ได้พัฒนาภาคีเครือข่ายความปลอดภัยทางถนนให้มีความเข้มแข็ง เช่น เครือข่ายสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) เครือข่ายลดอุบัติเหตุ มูลนิธิเมาไม่ขับ ชมรมคนห่วงหัว เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นต้น


“แม้สถานการณ์อุบัติเหตุบ้านเราจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ แต่คดีเมาแล้วขับจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายและเสียชีวิต หลายคดียังมีช่องว่างทางกฎหมาย ผู้ก่อเหตุไม่ได้รับโทษอย่างที่ควรจะเป็น จึงขอสนับสนุนให้กำหนดมาตรฐานวิชาชีพในคดีจราจร โดยเฉพาะการใช้หลักฐานวิทยาศาสตร์ที่มีความน่าเชื่อถือกว่าพยานบุคคลมาหักล้างคำกล่าวอ้าง และควรจัดให้มีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลในกระบวนการยุติธรรม ระหว่างตำรวจ อัยการ และศาล สร้างความเชื่อมั่นทางคดีตั้งแต่กระบวนการต้นทาง และควรกำหนดเป้าการสุ่มตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ให้มากขึ้น” นพ. ธนะพงศ์ กล่าว


“ดื่มแล้วขับ” ผลกระทบทางสังคม กับกระบวนการยุติธรรมไทย thaihealth


นางรัชฐิรัชฎ์ ซุ่นสั้น ภรรยาดาบตำรวจอนันต์ ซุ่นซั้น ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.คลองเต็ง อ.เมืองตรัง เหยื่อจากอุบัติเหตุรถกระบะพุ่งเข้าชนกลุ่มหน่วยกู้ภัยและตำรวจ เสียชีวิตรวม 5 ราย กล่าวว่า หลังสามีเสียชีวิต ตนต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แผนอนาคตที่เคยสร้างไว้กับสามี ต้องพังทลายลง ตนอยากเห็นคดีเมาแล้วขับลดลงให้มากที่สุด จึงผันตัวเข้าร่วมทำงานกับภาคีเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต รณรงค์กระตุ้นเตือนสังคมให้เห็นภัยของการดื่มแล้วขับ พร้อมปลุกสามัญสำนึกให้นักดื่มมีสติ เพราะไม่อยากให้ครอบครัวใดสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักเพราะคนที่ขาดความรับผิดชอบ ในกรณีของตนได้รับการช่วยเหลือจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามระเบียบ ลูกสาวคนโตที่พึ่งเรียนจบนิติศาสตร์ ก็ได้รับสิทธิ์เตรียมตัวเข้าทำงานในแวดวงตำรวจ แต่อย่างไรเสียภาระครอบครัวทั้งหมดในตอนนี้ก็ตกอยู่กับตนเพียงคนเดียว ที่น่าห่วงคือครอบครัวผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยอีก 4 ครอบครัว ขณะนี้ยังคงยากลำบากอยู่มาก แทบไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆเลยจากผู้ก่อเหตุและส่วนที่เกี่ยวข้องเลย  ซึ่งพวกเราเองก็พยายามหาทางช่วยเหลือกันไปบ้างในเบื้องต้น เราอยากชวนทุกฝ่ายช่วยกันรณรงค์ “ดื่มไม่ขับ ไม่ทำร้ายใคร” ให้คนที่ต้องขับรถงดแอลกอฮอล์เด็ดขาดไปเลย


“ดื่มแล้วขับ” ผลกระทบทางสังคม กับกระบวนการยุติธรรมไทย thaihealth


ด้าน พระสุราษฏร์ เตชวโร ผู้เคยก่อเหตุเมาแล้วขับชนนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังเสียชีวิต 2 ราย กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุเมาเหล้าและขับรถชนคนเสียชีวิต ซึ่งในช่วงแรก ๆ หลังเกิดเหตุตนยังคิดที่จะสู้ มีคนแนะนำมากมายว่าสู้ได้ แต่ในเวลาต่อมาตนได้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ จนตัดสินใจที่จะยอมรับผลทุกอย่าง ยอมเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย โดยตั้งใจเยียวยาให้รายละ 1 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ตนทราบดีว่าการชดเชยดังกล่าวเทียบไม่ได้กับการทำให้คนต้องจบชีวิตลงก่อนวัยอันควร และด้วยความรู้สึกทุกข์ใจบวกกับความรู้สึกผิด จึงตั้งใจบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเยาวชนทั้งสอง และขอใช้โอกาสนี้ผันตัวในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ เผยแพร่เรื่องราวดังกล่าวให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจคนในสังคม ช่วงที่ผ่านมาก็ได้ไปบรรยายเล่าเรื่องของตนให้กับนักเรียนนักศึกษา เยาวชนกลุ่มต่างๆอย่างต่อเนื่อง 


“อาตมายังคงรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงอยากฝากไปถึงนักดื่มทุกคน ว่าน้ำเมามีแต่โทษจริงๆ ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน หากกระทำผิดต่อผู้อื่นยังเป็นกรรมติดตัวไปตลอดชีวิต และทิ้งบาดแผลในใจให้กับคนรอบข้างอีกมากมาย” พระสุราษฏร์ กล่าว

Shares:
QR Code :
QR Code