WHO เตือนสาธารณสุขทั่วโลกเฝ้าระวัง “ไวรัสคล้ายซาร์ส”
องค์การอนามัยโลก (who) ประกาศเตือนให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกประเทศเฝ้าระวังคนไข้ที่มีอาการคล้ายติดเชื้อโคโรนาไวรัสตะวันออกกลาง (middle east syndrome coronavirus – mers) ซึ่งมีโอกาสแพร่กระจายจนอาจถึงขั้นเป็น “โรคระบาด” วานนี้ (10 มิ.ย.56)
who ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดองค์การสหประชาชาติ (un) ได้ออกคำแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับวิธีรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดต่างๆ โดยระบุว่า ทุกประเทศควรเฝ้าระวังการติดเชื้อโคโรนาไวรัสตะวันออกกลาง เช่นเดียวกับเมื่อไข้หวัดนก h5n1 แพร่ระบาดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว รวมถึงไวรัส h7n9 ซึ่งพบผู้ป่วยรายแรกในจีนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
“เราพยายามหาข้อมูลเท่าที่จะทำได้ และรู้สึกเป็นกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสเหล่านี้” แอนดรูว์ ฮาร์เปอร์ ที่ปรึกษาพิเศษของ who ว่าด้วยความมั่นคงสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เผยต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เชื้อ mers จะกลายสภาพเป็นโรคระบาด
แนวทางปฏิบัติเบื้องต้นซึ่งจะร่างเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ยังเอ่ยถึงบทเรียนจากการระบาดของเชื้อไข้หวัดหมู h1n1 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกราว 200,000 ราย ในช่วงปี 2009-2010
“ทุกประเทศต่างกังวลเรื่องการระบาดของไวรัสชนิดนี้ เพราะมีความเป็นไปได้ที่มันจะแพร่กระจายไปทั่วโลก เราพบตัวอย่างหลายกรณีที่ไวรัสแพร่จากประเทศหนึ่งไปสู่อีกประเทศหนึ่ง ผ่านผู้ที่เดินทาง”
ไวรัส mers ได้แพร่จากตะวันออกกลางไปยังอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี และอิตาลี และยังพบผู้ติดเชื้อในจอร์แดน, การ์ตา, ตูนิเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วย
“ดังนั้น ขอให้ทุกประเทศย้ำเตือนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้ตระหนักถึงการมีอยู่ของไวรัสชนิดนี้ รวมถึงอาการป่วยที่จะเกิดขึ้นเมื่อคนไข้ได้รับเชื้อ และหากพบผู้ป่วยที่มีอาการปอดบวมโดยไม่ทราบสาเหตุ ขอให้สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากไวรัส mers”
โคโรนาไวรัสตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นไวรัสในตระกูลเดียวกับซาร์ส (sars) เริ่มเป็นที่รู้จักเมื่อปีที่แล้ว หลังพบผู้ป่วยรายแรกในซาอุดีอาระเบีย ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกรวม 55 ราย ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเสียชีวิตแล้ว 31 ราย
แม้ต้นตอของไวรัสชนิดนี้จะยังเป็นปริศนา แต่การที่ผู้ป่วยมักเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน หรืออยู่ในสถานบริการสาธารณสุขแห่งเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าเชื้อยังสามารถแพร่กระจายอยู่ในวงจำกัดเท่านั้น
who เตือนให้กลุ่มประเทศตะวันออกกลางยกระดับการเฝ้าระวังเชื้อไวรัส mrs แต่ยังไม่ออกคำแนะนำใดๆสำหรับชาวมุสลิมที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในเตือนตุลาคมนี้
ที่มา : หนังสือพิมพ์ astv ผู้จัดการ