RSV ระบาดฤดูฝน ป่วยแล้วกว่า 1.6 พันราย เด็กเล็กเสี่ยงสูง หากมีอาการ รีบพบแพยท์ทันที
ที่มา: เว็บไซต์ข่าวสด
วันที่ 21 ก.ค. 2568 นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝน มักพบการระบาดของโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคติดเชื้อไวรัส RSV โรคไข้หวัดใหญ่ โรคโควิด-19 และโรคปอดอักเสบ
นพ.ภาณุมาศ กล่าวต่อว่า สำหรับเชื้อไวรัส RSV เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่มักพบการแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กเล็กเป็นหลัก ข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังโรคดิจิทัล (Digital Disease Surveillance: DDS) กองระบาดวิทยา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 มีรายงานผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส RSV จำนวน 1,631 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต
นพ.ภาณุมาศ กล่าวต่อว่า ปัจจัยที่ทำให้การแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วนั้น เนื่องจากเชื้อไวรัสจะมีชีวิตอยู่ภายนอกร่างกายได้เป็นเวลานานหลายชั่วโมง โดยอาศัยอยู่ตามวัตถุต่างๆ และเชื้อแพร่กระจายได้ง่ายผ่านน้ำมูก น้ำลาย การไอ หรือจาม เช่นเดียวกับโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจอื่นๆ
“อาการของโรคเริ่มต้นคล้ายไข้หวัดธรรมดา คือ มีไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก เจ็บคอ แต่หากพบอาการหายใจเร็ว หอบเหนื่อย หรือหายใจมีเสียงหวัด (Wheezing) หายใจลำบาก หน้าอกบุ๋ม ซึมลง รับประทานอาหารได้น้อยลง และในเด็กไม่เล่น ไม่ดูดนม ควรรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์โดยเร็วเพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที” นพ.ภาณุมาศ กล่าว
ด้าน นพ.ดิเรก ขำแป้น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรคเน้นย้ำให้ประชาชน ผู้ปกครอง และผู้สูงอายุ เตรียมพร้อมเฝ้าระวังและใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่และ โควิด-19 โดยการสร้างความตระหนัก แนวทางการป้องกันสำหรับประชาชนทั่วไป ดังนี้
- ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ
- เลี่ยงการนำมือที่ไม่สะอาดมาสัมผัสจมูก ปาก หรือตา
- ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ช้อน ส้อม
- หมั่นเช็ดถูทำความสะอาดของเล่นเด็กเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังพบเด็กป่วย
- เลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
1. หยุดพักรักษาตัวที่บ้าน และสวมหน้ากากอนามัย หมั่นทำความสะอาดบ้านเพื่อลดเชื้อ
2. ดื่มน้ำมากๆ เนื่องจากน้ำจะช่วยทำให้สารคัดหลั่งไม่เหนียวจนเกินไป
3. หากอาการไม่ดีขึ้น เช่น หอบเหนื่อย ซึมลง รับประทานอาหารได้น้อย ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422