MOU นายจ้างอนุญาตให้ลูกจ้างชายลาช่วยเมียเลี้ยงลูก

กระทรวงแรงงานมีนโยบายส่งเสริมสายใยรัก และความสัมพันธ์ในครอบครัวของลูกจ้างให้ดีขึ้น ด้วยการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพื่อช่วยพัฒนาสังคมและประเทศให้ดีขึ้น โดยสนับสนุนให้ลูกจ้างชายทำหน้าที่ “พ่อ” ในการช่วยภรรยาเลี้ยงดูบุตรแรกเกิด 

นายสุวิทย์ สุมาลา รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานมีนโยบายส่งเสริมให้ลูกจ้างมีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมทั้งส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพื่อช่วยพัฒนาสังคมและประเทศให้ดีขึ้นด้วยการสนับสนุนให้ลูกจ้างชายทำหน้าที่ “พ่อ” ช่วยภรรยาเลี้ยงลูกแรกเกิด

โดยก่อนหน้านี้ นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (รมว.รง.) ได้ลงนามออกประกาศกระทรวงแรงงานขอความร่วมมือนายจ้างอนุญาตให้ลูกจ้างลาไปช่วยเหลือภรรยาที่เพิ่งคลอดบุตรเลี้ยงลูก โดยให้นายจ้างใช้ดุลยพินิจพิจารณากำหนดจำนวนวันลาของลูกจ้างเพื่อให้ไปช่วยภรรยาเลี้ยงลูก นับแต่วันที่คลอดลูกได้ตามความเหมาะสม

ทั้งนี้ กสร.ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังสถานประกอบการต่างๆ ด้วย รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดต่างๆ ลงพื้นที่ไปให้คำแนะนำแก่สถานประกอบการในพื้นที่ด้วย

“การที่กระทรวงแรงงานออกประกาศดังกล่าวเพราะปัจจุบันรัฐบาลกำหนดให้ข้าราชการชายสามารถลาหยุดเพื่อไปช่วยภรรยาเลี้ยงลูกเป็นเวลา15 วัน โดยได้รับเงินเดือนตามปกติ ขณะที่ในส่วนของพนักงานรัฐวิสาหกิจอยู่ระหว่างเสนอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยลาหยุดได้ 15 วันและได้รับเงินเดือน แต่กรณีของลูกจ้างบริษัทเอกชนเป็นเพียงการขอความร่วมมือจากสถานประกอบการและนายจ้างจะจ่ายเงินเดือนหรือไม่จ่ายก็ได้” รองอธิบดีกสร.กล่าว

นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า กสร.ยังมีนโยบายส่งเสริมให้สถานประกอบการจัดตั้งศูนย์เลี้ยงเด็กเล็กขึ้นภายในสถานประกอบการและชุมชนเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระในการเลี้ยงดูลูกให้แก่แรงงานหญิง พร้อมทั้งสร้างความอบอุ่นให้เกิดขึ้นในครอบครัว ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์เลี้ยงเด็กเล็กในสถานประกอบการและชุมชนแล้ว 67 แห่ง มีเด็กได้รับการดูแล 1,902 คน โดยในจำนวนนี้มีศูนย์เด็กเล็ก 2 แห่ง ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้แก่ ศูนย์เด็กเล็กวิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัยในพระราชูปถัมภ์ จ.นครปฐม และจ.สมุทรปราการ โดยปีนี้ กสร.มีเป้าหมายจัดตั้งศูนย์เลี้ยงเด็กเล็กในสถานประกอบการอีก 8 แห่งในจ.ปทุมธานี สมุทรปราการ ระยอง นครราชสีมา นราธิวาส และสงขลา อีกด้วย

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code