Human Station ซีซั่นใหม่ ดนตรีเพื่อสังคม

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ 


ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต


Human Station ซีซั่นใหม่ ดนตรีเพื่อสังคม thaihealth


แม้เรื่องราวของกลุ่มนักดนตรี คนพิการจะเคยออกสื่อต่างๆ มาไม่น้อย แต่เพียงไม่นานคนก็ลืม หลังรายการจบ พวกเขายังคง ต้องหาทางดิ้นรนต่อไปบนถนนสายอาชีพที่ลุ่มๆ ดอนๆ มาตลอด 10 ปีของการรวมตัว "เครือข่ายศิลปะดนตรีคนพิการ"


แม้จะผ่านการมีผลงานเพลงของตัวเอง มาแล้ว 2 ซีซั่นในนาม Human Station แต่นั่นอาจไม่ใช่คำตอบเดียวสำหรับการอยู่รอดในวันที่แม้แต่ค่ายเพลงใหญ่ๆ ยังอยู่ยาก วันนี้ "เครือข่ายศิลปะดนตรีคนพิการ" จึงเดินมาถึง จุดที่ต้องปรับตัวเองสู่โมเดลธุรกิจเพื่อสังคม ภายใต้ "โครงการ Human Station กิจการเพื่อสังคมด้านดนตรีของคนพิการ" โดยความร่วมมือกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และมูลนิธิเพื่อเด็กพิการ


"การให้เงินคนพิการที่เล่นดนตรีอยู่ตามถนน อาจช่วยให้เขามีกินไปวันๆ หนึ่ง แต่ก็อาจไม่ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเขาได้ แต่หากมีสนับสนุนอย่างถูกที่ถูกทาง  พวกเขาจะไปได้ไกลมากกว่านั้น"


จากประสบการณ์ 10 ปีที่ผ่านมา ของ มานิดา โศภิษฐพงศ์ ผู้จัดการเครือข่ายศิลปะดนตรีคนพิการ มองว่า โอกาสบนถนน สายอาชีพของคนพิการที่มีความสามารถด้านดนตรี ไม่ได้มีเพียงแค่การไปสู่ดวงดาวบนเวทีเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเส้นทาง อาชีพอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นครูสอนดนตรีให้กับ ผู้พิการด้วยกัน รวมถึงทีมงานเบื้องหลัง ในสตูดิโอและวงการดนตรี


"เรื่องหนึ่งที่เราพบ คือ ผู้ปกครองที่มีลูกมองไม่เห็น เป็นออทิสติก หรือพิการด้านสติปัญญา มักประสบปัญหาหาโรงเรียนดนตรีให้ลูกยาก ดังนั้น หากเราสามารถพัฒนาหลักสูตรดนตรีที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของคนพิการได้ นอกจากจะช่วยให้ผู้ที่สนใจได้เข้าถึงดนตรีได้มากขึ้นแล้ว ยังเป็น ช่องทางในการพัฒนาอาชีพครูสอนดนตรี ซึ่งเป็นคนพิการอีกด้วย"


การพัฒนาไปสู่ "สถาบันพัฒนาศักยภาพด้านดนตรีของคนพิการ" จึงเป็นก้าวใหม่ที่มาพร้อมกับการปรับตัวเอง สู่การเป็นธุรกิจเพื่อสังคม โดยมีกิจกรรมหลักๆ ทั้งการพัฒนาหลักสูตรด้านดนตรีสำหรับคนพิการ การสร้างอาชีพ ครูสอนดนตรี ซึ่งเป็นคนพิการ การพัฒนา ทักษะทีมงานในสตูดิโอเพื่อเรียนรู้กระบวนการทำงานเพลง


"เรามองว่า การออกผลงานเพลง  ถือเป็นการสื่อสารกับสังคม เล่าเรื่องราวถึงความเป็นตัวเราในความเป็นศิลปินนักดนตรีคนพิการ มากกว่าที่จะคาดหวังกับยอดขาย ถล่มทลาย อย่างไรก็ตาม ผลงานเพลงยังเป็นสิ่งที่เราต้องทำควบคู่กันไปกับการสร้างสรรค์วงดนตรีศิลปินคนพิการต้นแบบเพื่อส่งผ่านแรงบันดาลใจและพลังความฝันไปสู่คนอื่นๆ ในสังคม" มานิดา กล่าว


Human Station ซีซั่นใหม่ ดนตรีเพื่อสังคม thaihealth


แนวคิดปรับตัวสู่โมเดลธุรกิจเพื่อสังคม ยังนำมาสู่การสร้างแพลตฟอร์มเพื่อรองรับการให้บริการต่างๆ ด้านดนตรี ไม่ใช่แค่การรับจัดกิจกรรมดนตรี หรือรับแสดงตาม อีเวนท์ต่างๆ เท่านั้น แต่ยังรับผลิตเพลง รับงานบันทึกเสียง รวมถึงแปลงทุนและทรัพยากรที่มีอยู่ มาสู่บริการให้เช่าเครื่องเสียง นอกสถานที่ บริการให้เช่าห้องอัดเสียง ห้องซ้อมดนตรี โดยใช้สถานที่ที่ตั้งอยู่ในอาคาร มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ ซอยลาดพร้าว 47


มานิดา ยอมรับว่า 10 ปีที่ผ่านมาของการรวมตัวคนพิการที่มีใจรักด้านดนตรี และคนพิการที่เคยเป็นตัวแทนของประเทศไทยเข้าร่วมงาน "มหกรรมดนตรี (คนพิการ) วาตาโบชิ แห่งเอเชีย-แปซิฟิก" จนเกิดเป็น "เครือข่ายศิลปะดนตรีเพื่อคนคนพิการ" จากแรงบันดาลใจที่อยากนำเสนอความสามารถด้านดนตรีของคนพิการให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในสังคมวงกว้าง แม้จะก้าวมาไกลหลายก้าว มีกิจกรรมและผลงานสร้างสรรค์มากมาย แต่การทำใน สิ่งที่รักให้เป็นอาชีพ มีรายได้พึ่งพาตัวเองได้ ยังเป็นความท้ายที่พวกเขายังต้องก้าวผ่าน


"10 ปีที่ผ่านมา ผลตอบรับมันเหมือน จุดพลุ ออกสื่อทีหนึ่ง ก็มีคนจ้างงาน  มีกระแสเป็นพักๆ เดี๋ยวคนก็ลืม  การทำให้คนพิการสามารถเล่นดนตรีที่รักและเป็นอาชีพได้ด้วย เป็นความฝัน อย่างหนึ่งของเรา ซึ่งแค่พูดอย่างเดียวคงไม่ได้ ขณะเดียวกัน ในอีกทางหนึ่งเราคงต้องกลับมาว่า ในด้านคุณภาพงานด้านดนตรี หากไม่เอาเรื่องความพิการเข้ามาเกี่ยวข้อง คนของเรามีทักษะพื้นฐาน  มีฝีมือที่มากพอแล้วหรือยัง เพราะการอยู่ด้วยกระแสอย่างเดียวไม่ใช่ทางที่ยั่งยืน" มานิดา บอกเช่นนั้น


ทั้งเรื่องการมีรายได้เพื่อยังชีพ และการพัฒนาทักษะฝีมือดนตรีคุณภาพระดับมืออาชีพ จึงต้องเดินคู่ไปด้วยกัน นอกจากการพัฒนาสู่ "สถาบันพัฒนาศักยภาพด้านดนตรีของคนพิการ" มานิดา เล่าว่า อีกหนึ่ง โมเดลใหม่ของการหารายได้เพื่อพึ่งพาตนเอง ได้อย่างยั่งยืน คือ ช่องทางการจ้างงาน คนพิการทำงานเชิงสังคม ตามกฎหมายมาตรา 35 โดยมีมูลนิธินวัตกรรมเพื่อ สังคม ภาคีเครือข่ายของ สสส.ทำหน้าที่เชื่อมโยงจับคู่คนพิการกับบริษัทเอกชนในฐานะ "นายจ้าง" อย่างโรงพยาบาลสมิติเวช ในรูปแบบสนับสนุนการจ้างเหมาบริการ "ดนตรีดลใจ"ของเครือข่ายศิลปะดนตรีคนพิการ


"มูลนิธินวัตกรรมเพื่อสังคม เป็นคน จับคู่ให้เราได้พบกับโรงพยาบาลสมิติเวช  โดยเราเซ็ตระบบการให้บริการด้านดนตรี ให้กับโรงพยาบาล ซึ่งจะมีนักดนตรีจากเครือข่ายศิลปะดนตรีคนพิการไปแสดงดนตรีเป็นประจำทุกสัปดาห์ แม้จะเป็น เงินเดือนที่ไม่มากนัก แต่ถือเป็นอีก ช่องทางหนึ่งที่ทำให้เขามีหลักประกันว่าเดือนๆ หนึ่ง รอดตายแล้วนะ อย่างน้อย มีค่ากิน ค่าเช่าบ้าน แทนที่จะรออย่างเดียวว่าจะมีใครมาจ้างไปเล่นดนตรีเมื่อไหร่ ซึ่งต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมาหนึ่งในข้อจำกัดของการจ้างงานนักดนตรีคนพิการ คือ ต้นทุน ค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า ต่างจากนักดนตรีอิสระ ทั่วไปที่แค่ซิ่งมอเตอร์ไซค์ก็ไปเล่นตามร้านได้ ต้นทุนที่สูงจึงส่งผลต่อโอกาสการจ้างงานตามไปด้วย"


"การจ้างงานเชิงสังคม" จึงถือเป็นอีกมิติใหม่ที่เปิดพื้นที่แห่งโอกาสให้กับบรรดา ศิลปินนักดนตรีคนพิการ โดยปีนี้ เสียงเพลง จากกลุ่มนักดนตรีโฟลค์ซอง และน้องนักดนตรี ออทิสติกที่มีความสามารถเล่นเดี่ยวเปียโนคลาสสิก พร้อมทำหน้าที่ส่งมอบความสุข ให้กับผู้คนในโรงพยาบาลสมิติเวชเป็นประจำสัปดาห์ละ 2 วัน วันละ 3 ชั่วโมง


นอกจากนี้ เครือข่ายศิลปะดนตรีคนพิการ ยังนำเสนอการให้บริการด้านดนตรีเพื่อสังคมในรูปแบบอื่นๆ มีทั้งกิจกรรมดนตรีเพื่อฟื้นฟูศักยภาพเด็กพิการ รวมถึงการออกไปสอนดนตรีนอกสถานที่ให้กับโรงเรียนเด็กผู้พิการทางการเคลื่อนไหว  เช่น โรงเรียนศรีสังวาล


ที่มาของแนวคิดนี้ว่า เริ่มจากก่อนหน้านี้ เครือข่ายศิลปะดนตรีคนพิการ ได้เริ่มนำร่อง กิจกรรมเล่นดนตรีให้เด็กๆ ผู้พิการที่มูลนิธิเด็กพิการฟังตอนกลางวัน และทดลองใช้ดนตรีมาช่วยกระตุ้นพัฒนาการในช่วงบ่ายทุกวันจันทร์และวันอังคาร ซึ่งบรรดาผู้ปกครอง จะพาลูกๆ มาร่วมกิจกรรมฟื้นฟูศักยภาพ กับทางมูลนิธิฯ เป็นประจำทุกสัปดาห์


"อย่างแรกที่เราเห็นได้ทันทีอย่างชัดเจน คือ ด้านอารมณ์ จากเดิมเวลาที่ต้องมาฝึกต้องโดนจับยืดกล้ามเนื้อ บางคนจะหงุดหงิด ก้าวร้าว ไม่ยอมกินข้าว ทุบโต๊ะ แต่พอเราเอาดนตรีไปร้องเล่น ให้ฟังตอนทานข้าว คุณครูกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯบอกว่า เด็กๆ อารมณ์ดีขึ้นเยอะ" มานิดา เล่าถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้เครือข่ายศิลปะดนตรีคนพิการ เดินหน้าสานต่อกิจกรรมโดยพัฒนาหลักสูตรดนตรีเพื่อพัฒนาศักยภาพ กระตุ้นพัฒนาของเด็กๆ ผู้พิการ ไม่ว่าจะเป็นทักษะการเคลื่อนไหวร่างกาย การสื่อสาร สติปัญญา และอารมณ์ ควบคู่กับการพัฒนาวิทยากรตามแนวทางหลักการดนตรีบำบัด ให้กับผู้พิการที่มีความสามารถทางด้านดนตรี


ในมุมมองของผู้จัดการเครือข่ายศิลปะดนตรีคนพิการ ย้ำถึงทิศทางการทำงาน ต่อไปว่า การสร้างพื้นฐานทักษะดนตรีที่ดี จึงมีความจำเป็นอย่างมาก และเมื่อ เติบโตขึ้นมีความสามารถด้านดนตรีแล้ว  ก็ต้องมีทางเลือกที่หลากหลายในการประกอบอาชีพด้วย


Human Station ซีซั่นใหม่ ดนตรีเพื่อสังคม thaihealth


"แต่มันไม่จำเป็นใช่มั้ยว่าอาชีพจะต้องเป็นศิลปินอย่างเดียว สามารถเป็นครูสอนดนตรีได้มั้ย เป็นวิทยากรฟื้นฟูศักยภาพ คนพิการกลุ่มอื่นๆ ได้มั้ย ทำงานในสตูดิโอได้มั้ย ในส่วนของการพัฒนาคุณภาพนักดนตรี คนพิการ ถ้าถามว่าสู้ได้ไหมกับคนไม่พิการ เราคงไม่ตอบว่าสู้ได้หรือไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับ ความตั้งใจ การฝึกฝนของแต่ละคน แน่นอนว่า เป้าหมายของเรา อยากพัฒนาฝีมือนักดนตรี คนพิการไปให้ได้ไกลมากที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับตัวของแต่ละคนด้วยว่า มีแรงขับดัน ในตัวเองขนาดไหน ซึ่งหวังว่า การทำงานเพื่อหารายได้เลี้ยงดูตัวเองได้ น่าจะเป็นอีก แรงขับหนึ่ง ซึ่งเมื่อบวกกับความใฝ่ฝัน จะกลายเป็นพลังแบบดับเบิ้ล ให้คนพิการ ไปได้ไกลบนถนนสายดนตรี" มานิดา  บอกเช่นนั้น


นอกจากเสียงปรบมือแล้ว การมี "งานทำ" จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างแรงผลักดันผู้พิการบนถนนสายดนตรี และแน่นอนว่า ความฝันหนึ่งของพวกเขา  คือ การเป็นนักดนตรีอาชีพที่ได้รับการยอมรับในความสามารถ มากกว่า ความเห็นใจจากผู้ชม

Shares:
QR Code :
QR Code