Happy Family Day แหล่งเรียนรู้วันครอบครัว
มีดีกว่าห้างสรรพสินค้า
เวลาของวันครอบครัวไปไหนกัน…เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยนั้นหรือคำตอบส่วนใหญ่จะบอกว่าไป ห้างสรรพสินค้า…ทั้งที่รู้หรือไม่ว่า ประเทศไทยประเทศเล็กๆ ในแผนที่โลก แต่ถือว่ามีพิพิธภัณฑ์มากเป็นอันดับ 2 ของโลกมีจำนวน 1,315 แห่ง รองจากสหรัฐอเมริกา แม้แต่ประเทศญี่ปุ่นเมืองท่องเที่ยวระดับต้นๆ ของโลกยังมีน้อยกว่าไทยด้วยซ้ำไป
นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้วไทยยังถือว่ามีพื้นที่การเรียนรู้ต่างๆ อาทิ ห้องสมุด ศาสนสถาน โบราณสถาน ศูนย์วัฒนธรรม สวนสาธารณะ ฯลฯ รวมแล้วกว่า 1,519 แห่งแต่ท่ามกลางจำนวนที่มากมายขนาดนั้น แต่ผลปรากฏคือ ไม่มีประชาชนเข้าชมอาจเพราะดูว่าเป็นเรื่องวิชาการมากเกินไป ขาดกิจกรรมการมีส่วนร่วมของผู้เข้าชม ขาดสีสันไม่เร้าใจ รวมถึงการไม่ทราบข้อมูลของแหล่งเรียนรู้จึงทำให้การเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เป็นไปได้ยาก
ในเมื่อมีของดีอยู่ใกล้ตัวเช่นนี้จะทิ้งให้ร้างอยู่ไย เหตุนี้เองในเมื่อพื้นที่การเรียนรู้มีมากมายเช่นนี้ หากครอบครัวได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันในพื้นที่เหล่านี้เพื่อเป็นการสร้างสัมพันธภาพ
ระหว่างครอบครัวแล้ว ยังกระตุ้นการเรียนรู้ให้บุตรหลานด้วย จึงเป็นเรื่องที่ดีมีประโยชน์มากกว่าการไปเดินตามห้างสรรพสินค้า นั่งดูโทรทัศน์ หรือเล่นเกมคอมพิวเตอร์
การเปิดพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับครอบครัวจึงเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้ความสำคัญ ทั้งพื้นที่ในรูปแบบที่เป็นมิติทางกายภาพและมิติทางปัญญา ผ่านการสื่อสารญาผ่านการสื่อสารที่มีสาระ ก่อให้เกิดโครงการล้านครอบครัวเที่ยวทั่วไทย 30 แหล่งเรียนรู้…พื้นที่สร้างสรรค์ของครอบครัว (Happy Family Day)
โดยภาคีเครือข่ายมากมาย อาทิ 1. กระทรวงวัฒนธรรม 2. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 3. แหล่งเรียนรู้ 4. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 5. องค์กรรถไฟฟ้ามหานคร MRT 6. บริษัท ขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด มหาชน (BTS) 7. สมาคมพิพิธภัณฑ์ไทย 8. บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด 9. การรถไฟแห่งประเทศไทย 10. องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
ในฐานะเลขาธิการมูลนิธิเพื่อพิพิธภัณฑ์ไทย คุณปิยะนุช ศกุนตนาค เลขาธิการมูลนิธิฯ บอกถึงที่มาของโครงการนี้ว่า อยากให้ครอบครัวไทยใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข ขณะเดียวกันก็ได้ความรู้ในแหล่งเรียนรู้ที่คัดสรรแล้ว ไม่ใช่เพียงเสมือนตู้เก็บของเก่าเท่านั้นอันจะนำสู่การกระตุ้นให้เกิดความคิดสิ่งใหม่ๆ และพัฒนาประเทศชาติ
แหล่งเรียนรู้ชนิดพิพิธภัณฑ์แบ่งเป็น 7 หมวด ได้แก่ 1. แหล่งเรียนรู้สำหรับเด็ก เช่น พิพิธภัณฑ์สวนสัตว์ดุสิต ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ฯลฯ 2. แหล่งเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ เช่น ท้องฟ้าจำลอง 3. แหล่งเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดีและธรณีวิทยา เช่น วัดเทพธิดารามวรวิหาร พิพิธภัณฑ์พระราชวังพญาไท ฯลฯ
4. แหล่งเรียนรู้ด้านนาฏศิลป์ ดนตรี และวิถีวัฒนธรรม อาทิ พิพิธภัณฑ์เมืองโบราณ พิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษา วัดหนังราชวรวิหาร ฯลฯ 5. แหล่งเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีและการทหาร อาทิ พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ พิพิธภัณฑ์ทหารอากาศ 6. แหล่งเรียนรู้ด้านเกษตรและธรรมชาติ อาทิ อุทยานผีเสื้อและแมลง กรุงเทพฯ อุทยานการเรียนรู้ TK park 7. แหล่งเรียนรู้ด้านพิพิธภัณฑ์ทั่วประเทศไทย
“ยกตัวอย่างแค่วังที่น่าสนใจไปใช้เวลาวันครอบครัว เริ่มจากพระราชวังพญาไท วังวรดิษฐ์ พระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งอนันตสมาคม พระที่นั่งวิมานเมฆอภิเษกดุสิตหรืออย่างวัด ก็มีวัดที่มีพิพิธภัณฑ์และเป็นวัดประจำรัชกาล เริ่มจากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ประจำรัชกาลที่ 1 มีความรู้ด้านสาธารณสุขการแพทย์แผนไทย2. วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร วัดประจำรัชกาลที่ 2 มีเรื่องสถาปัตยกรรมเช่นเดียวกันกับ วัดราชโอรส วัดประจำรัชกาลที่ 3 ส่วนวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร มีเรื่องพระพุทธศาสนานิกายหินยาน
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ประจำรัชกาลที่ 5 มีเรื่องสถาปัตยกรรมและศิลปะเบญจรงค์ โดยมีฝาผนังทั้งหมดทำจากเบญจรงค์ทั้งสิ้น ส่วนรัชกาลที่ 6 ไม่มีวัดประจำรัชกาล และรัชกาลที่ 7 ใช้วัดราชบพิธฯ เป็นวัดประจำรัชกาล ส่วนรัชกาลที่ 8 มีวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร นอกจากนี้วัดที่มีพิพิธภัณฑ์ด้วยยังมีวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหารวัดหนังราชวรวิหาร”
ไม่เพียงเท่านี้ คุณปิยะนุช บอกข่าวดีว่า เร็วๆ นี้จะมีการจัดทำคู่มือและแผนที่แหล่งเรียนรู้ โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำบัตร Happy Family Ticket เพื่อเผยแพร่ข้อมูลและกระตุ้นให้ครอบครัวได้ใช้ประโยชน์จากแหล่งเรียนรู้ด้วยเช่นกัน
เห็นไหมล่ะว่า นอกจากห้างสรรพสินค้า ที่เป็นแหล่งรวมครอบครัวในวันหยุดแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สานสัมพันธ์สมาชิกในครอบครัวและกระตุ้นการพัฒนาการเรียนรู้ไปพร้อมกันด้วย หากใครสนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้ในเว็บไซต์www.happyfamilyday.com
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
Update 25-01-53