Page 236 - บันทึกความจงรัก-02.indd
P. 236
นายรัชตะ มงคล อุปนายกสมาคม
ศิษย์เก่าโรงเรียนสอนคนตาบอดฯ กล่าวว่า
โรงเรียนสอนคนตาบอดฯ ถือก�าเนิดขึ้นมา
ด้วยแนวพระราชด�าริของพระองค์ ที่ทรง
เห็นคุณค่าของผู้พิการทางสายตา ที่สามารถ
มีศักยภาพในการเรียนหนังสือ มิใช่เพียงอยู่
บ้านเฉยๆ เท่านั้น เพราะเมื่อพวกเขาเหล่า
นั้นส�าเร็จการศึกษาก็จะสามารถดูแลตัวเอง
และผู้อื่นได้เป็นอย่างดี พระองค์จึงมีพระ-
ราชด�าริให้จอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งด�ารง
ต�าแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น สร้าง
โรงเรียนสอนคนตาบอดในกรุงเทพฯ ขึ้นมา
“สมัยก่อนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ ไปที่โรงเรียน
บ่อยมาก เพื่อไปทรงเยี่ยมเยียนนักเรียนผู้พิการทางสายตา หลายครั้งที่พระองค์โปรดที่จะ
เล่นกับเด็กๆ โดยทรงส่งสัญญาณมายังอาจารย์ที่สายตาปกติว่าไม่ให้บอกว่าพระองค์คือ
ใคร จากนั้นก็จะทรงใช้พระนามย่อว่า ‘พล’ เล่นกับเด็กๆ แทน อีกทั้งยังทรงเป็นพระอาจารย์
สอนวิชาดนตรีให้แก่ผู้พิการทางสายตาอีกด้วย”
นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระมหา
กรุณาธิคุณต่อผู้พิการทางสายตาเรื่อยมา ทุกปีจะพระราชทานเลี้ยงอาจารย์และนักเรียน
ผู้พิการทางสายตาที่พระราชวังพญาไท พร้อมทรงเป่าแซกโซโฟนพระราชทานแก่ทุกคน
ที่ส�าคัญด้วยมีพระราชประสงค์อยากให้ผู้พิการทางสายตาทุกคนลุกขึ้นมาต่อสู้กับชีวิต
ไม่ท้อถอยกับโชคชะตา พระองค์จึงทรงพระราชนิพนธ์บทเพลง “ยิ้มสู้” ขึ้นมาเพื่อเป็นขวัญ
และก�าลังใจให้ผู้พิการทุกคนมีก�าลังใจในชีวิตต่อไป
นายรัชตะ กล่าวต่อว่า วันนี้ก็ถือเป็นอีกครั้งที่ผู้พิการทางสายตาทุกคนที่เคยได้รับ
พระมหากรุณาธิคุณ จะมาแสดงความกตัญญู และร่วมแสดงความอาลัยถวายแด่พระบาท
สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นครั้งสุดท้ายในฐานะลูกที่ดีของพ่อ จากนี้ต่อไป
ถึงแม้จะไม่มีพ่ออยู่แล้ว แต่พวกตนทุกคนจะน้อมน�าหลักค�าสอนและพระราชจริยวัตรของ
พระองค์มาเป็นแบบอย่างในการด�าเนินชีวิตต่อไป
“ที่ผ่านมาเราจะเห็นว่าแม้พระองค์ท่านจะประชวรมากเพียงใดก็ตาม แต่ก็มิเคยหยุด
การทรงงานเพื่อประโยชน์และความสุขของประชาชนเลย ดังนั้นพวกเราทุกคนร่างกายไม่ได้
ป่วยไข้ เพียงแค่มีความบกพร่องทางสายตาเท่านั้น เราจะมุ่งมั่นท�าสิ่งที่ดีเพื่อตอบแทนสังคม
เท่าที่จะท�าได้ ไม่ใช่ท�าหน้าที่เป็นเพียงผู้รับเพียงฝ่ายเดียว ต้องเป็นผู้ให้ที่ดีด้วย”
236