กรมควบคุมโรคเตือน! กลับจาก 13 ประเทศ เฝ้าระวัง “ไข้หวัดนก” เผย 8 โรค ที่พบผู้เสียชีวิตบ่อยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2568 พญ.จุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค และนพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค ร่วมกันแถลงข่าวในหัวข้อ “กันยาใส่ใจ ห่างไกลโรคและภัยสุขภาพ” ว่า 10 โรคติดต่อที่พบบ่อย ใน 1 เดือนที่ผ่านมา โดยโรคที่พบผู้ป่วยบ่อยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ได้แก่
- โรคอุจจาระร่วง
- โรคไข้หวัดใหญ่
- โรคปอดอักเสบ
- โรคมือเท้าปาก
- อาหารเป็นพิษ
- โรคโควิด 19
- โรคไข้เลือดออก
- โรคติดเชื้อไวรัส RSV
- โรคสุกใส
- โรคซิฟิลิส
8 โรคที่พบผู้เสียชีวิตบ่อยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาได้แก่
- โรคเมลิออยโดสิส อัตราป่วยตาย 4.56 %
- โรคไข้หูดับ อัตราป่วยตาย 1.41 %
- โรคเลปโตสไปโรสิส อัตราป่วยตาย 0.69 %
- โรคปอดอักเสบ อัตราป่วยตาย 0.12 %
- โรคโควิด 19 อัตราป่วยตาย 0.07 %
- โรคไข้เลือดออก อัตราป่วยตาย 0.04 %
- โรคอุจจาระร่วง 3 ราย
- โรคไข้หวัดใหญ่ 1 ราย
โรคที่ต้องระวังในเดือนก.ย.2568
โรคไข้หวัดใหญ่ วันที่ 1 มกราคม – 4 กันยายน 2568 พบผู้ป่วยสะสม 486,562 ราย ผู้เสียชีวิต 57 ราย ในผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัว 36 ราย เช่น โรคไต โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง วัณโรคปอด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง เป็นต้น กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยต่อประชาการแสนคนมากที่สุด คือ 5 – 9 ปี ทั้งนี้ สายพันธุ์ที่ตรวจพบมากที่สุดระหว่างเดือนสิงหาคม – กันยายน คือ A/H3N2
โรคปอดอักเสบ วันที่ 1 มกราคม – 4 กันยายน 2568 พบผู้ป่วยสะสม 298,223 ราย ผู้เสียชีวิต 504 ราย กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนมากที่สุด คือ 0 – 4 ปี และผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อายุ 60 ปีขึ้นไป
โรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ปี 2568 พบผู้ป่วย 8,473 ราย ผู้เสียชีวิต 1 ราย กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยต่อประชาการแสนคนมากที่สุด คือ 0 – 4 ปี แนวโน้มผู้ป่วยยังคงเพิ่มสูงขึ้นและสูงกว่าปี 2567 ทั้งนี้ การติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีสามารถติดต่อได้ผ่านการหายใจเอาละอองเสมหะของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ RSV เช่น น้ำมูก น้ำลาย หรือสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่ง เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ลูกบิดประตู ของเล่น ฯลฯ เชื้อ RSV สามารถมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายชั่วโมง มีระยะฟักตัวอยู่ที่ 2 – 8 วัน
การรักษาโรค RSV ในปัจจุบันเป็นการรักษาตามอาการ ยังไม่มียาต้านไวรัสที่จำเพาะ แต่ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันในผู้สูงอายุและหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปป้องกันในเด็กเล็กและกลุ่มเสี่ยง สามารถสอบถามเพิ่มเติมจากแพทย์ผู้รักษาได้
โรคมือเท้าปาก วันที่ 1 มกราคม – 9 กันยายน 2568 มีผู้ป่วยสะสม 73,517 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุด คือ 0 – 4 ปี ทั้งนี้ โรคมือเท้าปากมักเกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่ม Enterovirus มีระยะฟักตัว 3 – 5 วัน สามารถติดต่อทางตรงได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ เช่น น้ำมูก น้ำลาย และอุจจาระของผู้ป่วย และติดต่อทางอ้อมจากการสัมผัสผ่านของเล่น และจุดสัมผัสร่วมกันที่อาจเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อ เช่น ก๊อกน้ำดื่ม ราวบันได
โรคไข้เลือดออก ปี 2568 พบผู้ป่วย 42,187 ราย ผู้เสียชีวิต 44 ราย ปัจจัยเสี่ยงในผู้ป่วยเสียชีวิต คือ มีโรคประจำตัว ได้รับยา NSAIDs ไปโรงพยาบาลช้า ติดสุรา และมีภาวะน้ำหนักเกินมาตรฐาน ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นวัยเรียน แต่อัตราป่วยตายสูงในอายุ 45 ปี ขึ้นไป
โรคชิคุนกุนยา (โรคไข้ปวดข้อยุงลาย) ปี 2568 พบผู้ป่วย 1,064 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยมากที่สุด คือ 35 – 44 ปี ทั้งนี้ มีการพบผู้ป่วยสูงกว่าปี 2567 ถึง 2.4 เท่า โดยพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อนที่จังหวัดเชียงใหม่ บึงกาฬ ลำพูน และอุดรธานี
โรคติดเชื้อไวรัสซิกา ปี 2568 พบผู้ป่วย 175 ราย กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยมากที่สุด คือ 25 – 34 ปี และพบหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อไวรัสซิกาเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ โรคติดเชื้อไวรัสซิกาเกิดจากการติดเชื้อไวรัสซิกา โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค อาการที่พบบ่อย คือ ไข้ต่ำๆ ผื่นแดง ปวดข้อ ตาแดง และอ่อนเพลีย
โรคเลปโตสไปโรสิส (โรคไข้ฉี่หนู) วันที่ 1 มกราคม – 4 กันยายน 2568 ผู้ป่วยสะสม 2,631 ราย ผู้เสียชีวิต 32 ราย กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตมากที่สุด คือ 60 ปีขึ้นไป หากพบว่ามีไข้สูง ทั้งนี้ ปวดศีรษะ หนาวสั่น ปวดเมื่อยตัวหรือปวดกล้ามเนื้อ หลังเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือลงแช่น้ำ ภายใน 1 – 2 สัปดาห์ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติการเดินลุยน้ำย่ำโคลนให้แพทย์ทราบ
โรคเมลิออยโดสิส (โรคไข้ดิน) วันที่ 1 มกราคม – 29 สิงหาคม 2568 พบผู้ป่วยสะสม 2,782 ราย ผู้เสียชีวิต 130 ราย พบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตมากที่สุดในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป แนะประชาชน 1. หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือสัมผัสดินและน้ำโดยตรงหากจำเป็นควรสวมรองเท้าบู๊ต ถุงมือยาง กางเกงขายาวหรือชุดลุยน้ำ 2.หลังสัมผัสดินและน้ำให้ทำความสะอาดร่างกายด้วยสบู่และน้ำสะอาดทันที 3. รับประทานอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำในบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานหรือน้ำต้มสุก 4. หลีกเลี่ยงการสูดดมลมฝุ่นและการอยู่กลางสายฝน 5. หากมีอาการไข้สูงต่อเนื่อง 2 วัน มีประวัติการสัมผัสดินและน้ำ ให้รีบพบแพทย์ทันที
กลับจาก 13 ประเทศ เฝ้าระวังไข้หวัดนก
ทั้งนี้ โรคจากต่างประเทศที่ต้องเฝ้าระวัง คือ “ไข้หวัดนก” สถานการณ์ทั่วโลก ปี 2568 มีผู้ป่วยสะสม 27 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 9 ราย สำหรับประเทศไทยความเสี่ยงยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ยังต้องมีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
แนะประชาชน รับประทานอาหารที่ปรุงสุก หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีก สุกรหรือโคนม ที่ป่วยหรือตายผิดปกติ ควรสวมหน้ากากอนามัย สวมถุงมือ และล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัส หากพบสัตว์ปีกป่วยตายจำนวนมาก ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ หากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ หรือตาแดงอักเสบ ควรรีบไปพบแพทย์ สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาด ต้องหมั่นติดตามข่าวสารการระบาดของพื้นที่ที่จะเดินทางไป ทำประกันสุขภาพสำหรับเดินทาง
กรณีเดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดนก (ข้อมูล ณ เดือน ส.ค.2568 ) เช่น กัมพูชา สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อินเดีย แคนาดา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ ปากีสถาน เวียดนาม ไต้หวัน และบราซิล ให้สังเกตอาการตนเอง หากมีอาการป่วยคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่ภายใน 2 สัปดาห์ ให้รีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง
โรคโปลิโอ ปี 2568 เดือนสิงหาคม มีรายงานว่าพบผู้ป่วยเชื้อโปลิโอชนิด cVDPV1 ที่แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว แนะประชาชน 1. ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานเข้ารับวัคซีนเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ 2. สำหรับเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนล่าช้า ควรเข้ารับวัคซีนให้ครบเร็วที่สุด ที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐใกล้บ้านทุกแห่ง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันการเกิดโรค สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรคโปลิโอ หากมีประวัติรับวัคซีนไม่ครบ แนะนำรับวัคซีนกระตุ้น 1 ครั้ง ก่อนเดินทางอย่างน้อย 4 สัปดาห์
ส่วนภัยสุขภาพ ต้องระวังไฟดูด ไฟช็อต ปี 2568 มีผู้บาดเจ็บ 1,603 ราย ผู้เสียชีวิต 88 ราย และฟ้าผ่า ปี 2568 มีผู้บาดเจ็บ 58 ราย ผู้เสียชีวิต 5 ราย พบผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตมากที่สุดในกลุ่มอายุ 45 – 49 ปี