8 วิธีสร้างผิวไร้สิวฝ้า

ที่มา : มูลนิธิหมอชาวบ้าน


8 วิธีสร้างผิวไร้สิวฝ้า thaihealth


แฟ้มภาพ


การได้เป็นเจ้าของใบหน้าที่นวลเนียนสดใส ล้วนเป็นที่ปรารถนาของทุกคน แต่ไม่เคยมีใครที่ไม่มีปัญหากับผิวของตนเอง การเรียนรู้วิธีรักษาและป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก จึงน่าจะเป็นวิถีทางที่ดีที่สุดสู่การเป็นเจ้าของผิวสวย เคล็ดลับสู่ผิวสวยใสไร้สิวฝ้านั้นมีง่ายๆ


วิธีที่ 1 การล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน


เพื่อชำระล้างเหงื่อไคล ไขมันและขี้ไคลออกจากผิวหนัง เวลาล้างหน้าให้ล้างเบาๆ แล้วซับน้ำให้แห้งด้วยผ้าขนหนูสะอาด อย่าใช้ผ้าขนหนูถูหน้าแรงๆ เพราะจะทำให้สิวอักเสบมากขึ้น ไม่ควรใช้แปรง ฟองน้ำ หรือสบู่ที่ผสมเม็ดขัดถู ขัดถูใบหน้า เพราะทำให้ใบหน้าระคายเคือง และกระตุ้นให้สิวกำเริบมากขึ้น


วิธีที่ 2 หากเป็นสิวน้อย อาจทายาเองได้


ผู้ที่มีปัญหาสิวเพียงเล็กน้อย เช่น สิวหัวดำ หัวขาว หรือสิวอักเสบเพียงเล็กน้อย อาจหาซื้อยามาทาเองได้ แต่ต้องอ่านฉลากยาให้เข้าใจวิธีใช้โดยละเอียดเสียก่อน หากใช้ครีมทารักษาสิวแล้วเกิดอาการผิวแห้งหรือ ระคายเคือง ควรปรึกษาแพทย์ ต้องระวังยาที่โฆษณาว่ารักษาได้ทั้งสิวและฝ้า เพราะยาพวกนี้มักผสมสเตียรอยด์ ซึ่งอาจทำให้สิวยุบเร็วจริง แต่มีข้อแทรกซ้อนตามมามากมาย กรณีที่เป็นสิวอักเสบมาก จัดเป็นโรคผิวหนัง จำเป็นต้องได้รับยาภายใต้การดูแลของแพทย์ และยากินรักษา สิวบางตัวอาจทำให้ทารกในครรภ์พิการได้


วิธีที่ 3 พิจารณาให้ดีก่อนใช้เครื่องสำอาง


ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่มีผลต่อการทำงานของผิวหนัง ต้องไม่มีสารสเตียรอยด์เจือปน ควรเลือกใช้ครีมให้ความชุ่มชื้นที่ไม่มีส่วนประกอบที่เป็นสารเคมีที่กระตุ้นให้เกิดสิว ไม่ควรใช้เครื่องสำอางที่เหนียวเหนอะหนะเกินไป เครื่องสำอางที่มีราคาแพงที่สุด อาจไม่ใช่เครื่องสำอางที่ดีที่สุด หรือที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ


วิธีที่ 4 ไม่แนะนำให้บีบแกะสิวออกด้วยตนเอง


การบีบแกะสิวออกจะทำให้เกิดการอักเสบลุกลาม และเกิดแผลเป็นได้มาก แพทย์อาจพิจารณากดสิวอุดตันหัวดำออกให้ในกรณีที่จำเป็น ส่วนในกรณีที่มีสิวอักเสบหรือสิวหัวช้าง การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าไปในสิวอาจทำให้สิวยุบลงอย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับกรณีเร่งด่วน เช่น จะเข้าพิธีแต่งงานในวันรุ่งขึ้น แต่วิธีนี้ก็อาจเกิดผลแทรกซ้อนตามมาได้ ส่วนการใช้แผ่นขจัดสิวเสี้ยนนั้น หากใช้บ่อยครั้งเกินไป ผิวอาจอักเสบระคายเคืองและเป็นการกระตุ้นให้เกิดสิวมากขึ้นได้


วิธีที่ 5 หลีกไกลรอยเหี่ยวย่นโดยขจัดสาเหตุ


รอยเหี่ยวย่นบนผิวหน้าของคนเรา แบ่งเป็น 3 ชนิด ใหญ่ๆ คือ รอยเหี่ยวจากอารมณ์ รอยเหี่ยวจากแสงแดด และรอยเหี่ยวแห้ง ผู้ที่มีแต่ความเครียดชอบหน้านิ่วคิ้วขมวดหรือเลิก หน้าผาก จะเกิดร่องย่นได้ตามหัวคิ้ว และหน้าผาก ครีมบำรุงผิวที่อ้างว่าลบรอยเหี่ยวต่างๆ จึงไม่เป็นจริง เพราะเครื่องสำอางเหล่านี้ออกฤทธิ์เพียงแค่ชั้นนอกสุดคือชั้นขี้ไคล แต่ส่วนที่เสียไปคือส่วนชั้นหนังแท้ การป้องกันรอยเหี่ยวย่น ๓ แบบนี้คือ การมีอารมณ์ แจ่มใส อย่าหน้านิ่วคิ้วขมวด เพื่อลดรอยเหี่ยวย่นจากอารมณ์ หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดจัดเพื่อป้องกันรอยเหี่ยวย่นจากแสงแดด และการใช้ครีมให้ความชุ่มชื้นทาในกรณีของรอยเหี่ยวแห้ง


วิธีที่ 6 รักษาฝ้าและกระโดยการเลี่ยงแดด


ยังไม่มีวิธีใดที่รักษาฝ้าให้หายขาดและไม่เกิดขึ้นใหม่ได้อีก จึงไม่ควรเสียเงินและเวลาให้กับการรักษาฝ้าและกระจนเกินไป ชาวต่างประเทศถือว่ากระเป็นเสน่ห์ของใบหน้า (beauty spots) วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันรักษาฝ้าและกระ คือ การหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วง 08.00 -17.00 น. เพราะรังสีในแสงแดดนอกจากทำให้ฝ้าและกระเข้มขึ้น ยังทำให้ผิวเหี่ยวแก่ และเกิดมะเร็งผิวหนังได้


วิธีที่ 7 พักผ่อนเพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์


การทำงานหนักโดยไม่พักผ่อนเลย หรือเอาแต่เล่น โดยไม่ทำงานให้เป็นแก่นสารต่างมีผลเสียต่อสุขภาพ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ก่อผลเสียต่อผิวได้ การสูบบุหรี่นอกจากจะมีผลต่อสุขภาพร่างกายทั่วไปแล้ว ยังทำให้ใบหน้าแลดูแก่ก่อนวัยไปนับ 20 ปี เพราะนิโคตินทำให้หลอดเลือดหดตัว เซลล์ผิวหนังจึงขาดสารอาหาร เกิดริ้วรอยเหี่ยวแก่ขึ้น นอกจากนั้น การดื่มเบียร์ ดื่มเหล้า ดื่มไวน์ ตลอดจนยาเสพติดในทุกรูปแบบต่างก่อปัญหาแก่ผิวทั้งสิ้น จึงควรดูแลสุขภาพด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ คือนอนหลับวันละไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง กินอาหารให้ครบทุกหมู่และดื่มน้ำให้เพียงพอ ไม่มีอาหารเสริมหรือวิตามินมหัศจรรย์ตัวใดที่จะทำให้ผิวสวยได้ หากไม่ปฏิบัติตามกติกาอนามัยพื้นฐาน เหล่านี้


วิธีที่ 8 อยากมีผิวสวยต้องไม่เครียด


อารมณ์กับสุขภาพผิวถือเป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์กันแนบแน่น ความเครียดทำให้ผิวหนังอักเสบเป็นลมพิษ ผมร่วง หรือสิวกำเริบขึ้นได้ บางรายเวลาเครียดมากจะแกะสิวเล่นทำให้ใบหน้าเกิดแผลเป็นและยิ่งเครียดเพิ่มขึ้นไปอีก วิธีหลีกเลี่ยงความเครียดมีหลายวิธี เช่น การออกกำลังกาย การปฏิบัติตามคำสอนศาสนา การนั่งวิปัสสนา การเล่นโยคะ การนวด การมีอารมณ์ขัน มองโลกใน แง่ดีและสดใส เหล่านี้ย่อมทำให้จิตใจเบิกบาน และเมื่อมีสุขภาพจิตดีแล้ว สุขภาพผิวก็จะตามไปด้วยอย่างแน่นอน

Shares:
QR Code :
QR Code