70 พื้นที่ทั่วประเทศประกาศสงกรานต์ปลอดภัย พื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า
ภาครัฐ-เอกชน จับมือ 70 พื้นที่ทั่วประเทศ ประกาศเจตนารมณ์ “ประเพณีสงกรานต์ปลอดภัย พื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า” หวังฟื้นฟูวัฒนธรรม ปกป้องเด็กเยาวชน ปลื้ม 50 จังหวัด 20 ถนนเล่นน้ำตระกูลข้าวขานรับ ด้านสคล.วอนรัฐคลอดมาตรการห้ามขายห้ามดื่มบนถนน ใช้ทันก่อนสงกรานต์ แนะสรรพสามิตงดออกใบอนุญาตชั่วคราว
วันนี้ (2 เม.ย.2555) ที่โรงแรม ปริ๊น พาเลซ เมื่อเวลา 10.50 น. นายไพวงษ์ เตชะณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์ “ประเพณีสงกรานต์ปลอดภัย พื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า”ประจำปี 2555 โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมกว่า 136 องค์กร อาทิ กรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) เครือข่ายหมออนามัย เครือข่ายลดอุบัติเหตุ เป็นต้น
ทั้งนี้ สำหรับคำประกาศเจตนารมณ์ในการขับเคลื่อนนโยบายประเพณีสงกรานต์ปี 2555 ร่วมกันได้กำหนดไว้ 4ข้อดังนี้ 1.ร่วมกันประกาศเป็นนโยบายในการจัดงานประเพณีสงกรานต์ปลอดภัย พื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงและสร้างเสริมสุขภาพแก่ประชาชน 2.ไม่ร่วมมือกับบริษัทเหล้าเบียร์บุหรี่ ทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการขายหรือ ทำกิจกรรมประชาสัมพันธ์ ทำ CSR บาปในพื้นที่จัดงานสงกรานต์ 3.ร่วมกันบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยเฉพาะพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 และ พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 อย่างจริงจัง และ 4.ฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม ซึ่งขณะนี้กลายเป็นสงกรานต์เถื่อน ขาดสติ โป๊เปลือย โดยร่วมกันค้นหาคุณค่าของประเพณีสงกรานต์ และส่งต่อถึงเด็กและเยาชนอนาคตสำคัญของชาติ
ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษาคณะกรรมการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สงกรานต์ปีนี้หลายๆ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างตระหนักถึงสถานการณ์ปัญหา จึงได้ร่วมกันออกเป็นมาตรการ ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างจริงจัง โดยเฉพาะการส่งเสริมให้เกิดพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้าในแต่ละจังหวัด และปีนี้หลายจังหวัดได้มีการขยายพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า จาก 60 พื้น 44 จังหวัด เพิ่มเป็น 70 พื้นที่ 50 จังหวัด โดยมีถนนเล่นน้ำตระกูลข้าว 20 แห่ง เช่น ถนนข้าวเหนียว ที่ถือเป็นต้นแบบพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า มีการทำ“คลื่นมนุษย์ไร้แอลกอฮอล์”ที่ยาวที่สุดของโลก มีผู้เข้าร่วมมากถึง 50,208 คน โดยไม่พบการทะเลาะวิวาทในพื้นที่
ศ.นพ.อุดมศิลป์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างอีกหลายถนนตระกูลข้าวที่ คิดค้นมาตรการใหม่ๆ อาทิ ถนนข้าวเม่า จ.มหาสารคาม ที่ใช้ทีมนักวิทยุสื่อสารและกล้องส่องทางไกลช่วยกันสแกนรนรถที่นำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาในพื้นที่ ขณะเดียวกัน ถนนข้าวทิพย์ จ.จันทบุรี นำกล้อง CCTV เข้ามาใช้เพื่อเป็นหูเป็นตา ติดตามความเคลื่อนไหว และมีการฝากเหล้าไว้กับตำรวจ ห้ามคนเมาเข้าไปในพื้นที่ เนื่องจากเป็นถนนเล่นน้ำกลางคืน อย่างไรก็ตาม ที่ทุกภาคส่วนร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ในครั้งนี้ เพื่อ ต้องการให้เกิดพื้นที่เล่นน้ำอย่างปลอดภัย ไม่ดื่ม ไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่เล่นน้ำสาธารณะ เพื่อลดความสูญเสีย ปกป้องเด็กเยาวชน และวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามให้คงอยู่
ด้าน นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ผู้จัดการกลุ่มงานทุนอุปถัมภ์เพื่อทดแทนธุรกิจแอลกอฮอล์ ด้านประเพณีวัฒนธรรมและการส่งเสริมนโยบายสาธารณะ กล่าวว่า เจ้าภาพจัดงานในแต่ละพื้นที่ ต่างต้องการหาแนวทางร่วมกันเพื่อกำหนดให้หน่วยงานภาครัฐ ออกเป็นมาตรการในการสร้างพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้าปลอดภัย เพื่อลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น และมีข้อสรุปร่วมกันว่า ขอเรียกร้องให้กรมสรรพสามิตควรพิจารณาหยุดการออกใบอนุญาตขายชั่วคราว ประเภทที่ 5 และ 6 (ไม่เกิน 10 วัน) โดยเฉพาะการขายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พื้นที่สุ่มเสี่ยง โดยผู้ขายเดิมต้องไม่ทำผิดกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด นอกจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ควรกำชับเจ้าหน้าที่ไม่ให้กระทำผิด และหากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องลงโทษขั้นเด็ดขาด และสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความสูญเสียได้ คือ ภาครัฐควรเร่งออกมาตรการห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บนถนน ซึ่งคลอบคลุม บนรถและทางสาธารณะ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันก่อนสงกรานต์ปีนี้ หรือหากไม่ทันปีนี้ก็ขอให้บังคับใช้ภายในปีหน้า และใช้เวลาที่มีในการประชาสัมพันธ์
“ถ้าไม่ช่วยกันควบคุมน้ำเมาที่กำลังทำลายวัฒนธรรมสงกรานต์ที่ดีงามของสังคมไทย ทำให้กลายเป็นหายนธรรม แห่งความเมา ความรุนแรง อนาจาร จะเป็นการทำลายการท่องเที่ยวในที่สุด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาดู วัฒนธรรมที่งดงาม มีคุณค่าไม่ใช่สิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ และอยากขอความร่วมมือให้ทุกพื้นที่ และร้านค้าปฏิบัติตามกฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 อย่างเข้มงวด ส่วนธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ควรคำนึงถึงชีวิตเด็กเยาวชนและคนไทยในช่วงสงกรานต์นี้ด้วย อย่างไรก็ตาม หากมีมาตรการควบคุมที่ดีจากภาครัฐ หรือพื้นที่จัดงานทั่วประเทศ เน้นการจัดงานอย่างสร้างสรรค์ปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นสงกรานต์แห่งสติ จะช่วยลดปัญหา โป๊เปลือย อนาจาร ทะเลาะวิวาท อุบัติเหตุลงได้” นายวิษณุ กล่าว
ที่มา : สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า