5 โรคสัตว์ (ใกล้ตัว) สู่คนต้องระวังอย่าชะล่าใจ
ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
แฟ้มภาพ
ความเข้าใจของคนเกี่ยวกับโรคจากสัตว์สู่คน อาจจะมีความรู้ในระดับหนึ่ง แต่บางทีความสนใจหรือความใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อาจจะต้องเพิ่มมากขึ้น เช่น การดูแลบาดแผลตัวเอง มีการใส่ยาฆ่าเชื้อ จริงๆ โรคที่เป็นอันตรายตั้งแต่โรคพิษสุนัขบ้าลงมายันโรคอื่นๆ การดูแลตั้งแต่บาดแผลเบื้องต้น จะทำให้โอกาสความเสี่ยงลดลงเยอะมาก จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทำ
นสพ.พรพิทักษ์ พันธ์หล้า หัวหน้ากลุ่มโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) บอกว่า โรคจากสัตว์ที่ใกล้ตัวคนแยกเป็น 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่ 1.โรคจากสัตว์เลี้ยงใกล้ตัวเช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคพยาธิต่างๆ และโรคแมวข่วน
ในส่วน โรคพิษสุนัขบ้า นสพ. พรพิทักษ์ กล่าวว่า จากการสำรวจของกรมควบคุมโรคเมื่อปี 2560 พบว่าประชาชนยังมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง อาทิ คนที่มีอาการของโรคนี้สามารถรักษาให้หายได้ ไม่ทราบว่าหากรับการฉีดวัคซีนไม่ครบชุด ไม่ตรงตามกำหนดนัด อาจตายได้ถ้าสุนัขที่กัดเป็นสุนัขบ้า ไม่ทราบว่าการล้างแผลด้วยน้ำสะอาด ฟอกสบู่หลายๆ ครั้งและทายาเบตาดีน ช่วยลดปริมาณเชื้อที่บาดแผลได้ ไม่รู้หรือไม่แน่ใจว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด สามารถป่วยเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้
ผู้ที่เสียชีวิตพบว่าไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันเพราะความรู้ผิดๆ เช่นคิดว่าลูกสุนัขจะไม่เป็นพิษสุนัขบ้า คิดว่าสุนัขที่เลี้ยงเองจะไม่เป็นโรค คิดว่าฉีดวัคซีนแค่เข็มเดียวจะรักษาได้ และการไม่ตระหนัก เช่น เลี้ยงสุนัขแบบปล่อย และไม่นำสุนัขไปรับการฉีดวัคซีน
สำหรับโรคแมวข่วนเกิดจากการโดนแมวข่วนหรือกัด สัมผัสขนแมวซึ่งมีเชื้อจากน้ำลายแมวที่เลียขนติดอยู่ ทำให้เมื่อเกิดการปนเปื้อนแล้วไปสัมผัสอวัยวะ เช่น ตา ก็สามารถทำให้ติดเชื้อได้ ในการป้องกัน กำจัดหมัด เห็บจากตัวแมวช่วยลดการแพร่ได้มาก เมื่อถูกแมวกัดหรือข่วนให้ล้างแผลด้วยน้ำสะอาด ทายาทาแผล หากมีอาการต่อไปนี้ควรไปพบแพทย์ คือ แผลกัดหรือข่วนไม่หายในเวลาอันควร รอบๆ รอยกัดหรือข่วนแดงขึ้นและกว้างขึ้นเกิน 2 วัน เป็นไข้หลายวันหลังถูกกัดข่วน ต่อมน้ำเหลืองบวมและปวดนานกว่า 2-3 สัปดาห์ ปวดกระดูกหรือปวดข้อ ปวดท้อง โดยไม่มีไข้หรืออาเจียนหรือท้องร่วงหรืออ่อนเพลียผิดสังเกตนานกว่า 2 สัปดาห์
และ 2.โรคจากสัตว์เศรษฐกิจ ที่มีการเลี้ยงในกลุ่มเกษตรกรโดยเฉพาะสัตว์กีบ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า แม้มีโอกาสเสี่ยงน้อยแต่ก็เกิดขึ้นได้ โรคฉี่หนู และโรคบรูเซลโลสิส โดยโรคฉี่หนู แม้หนูจะเป็นพาหะนำโรคหลัก แต่จริงๆ สัตว์ที่มีกระดูกสันหลังสามารถติดได้หมด แต่สัตว์ที่แพร่เชื้อได้มีอยู่ไม่กี่ชนิด อย่างเช่น สุนัขก็แพร่เชื้อได้ แต่มีวัคซีนป้องกันโรคนี้อยู่ในวัคซีนรวมของสุนัข แมวไม่ได้เป็นสัตว์หลักที่เป็นตัวนำโรคเพราะพบว่าลักษณะการทำงานของไตทำให้มีความเป็นกรดซึ่งไม่เหมาะที่จะให้เชื้อนี้อยู่
แต่สัตว์เคี้ยวเอื้องเป็นสัตว์กินพืช เพราะฉะนั้นเรื่องระบบไตและฉี่จะเป็นด่าง ทำให้เชื้ออยู่ได้นานและมีโอกาสแพร่ออกไปได้เป็นช่วงๆ โดยสัตว์จะมีการถ่ายออกมาแล้วปนเปื้อนลงไปในสิ่งแวดล้อม แต่ไม่ได้ออกมาทุกครั้ง เนื่องจากลักษณะการติดเชื้อในสัตว์พวกนี้โดยเฉพาะในสัตว์ใหญ่ เช่น วัว ลักษณะไตจะเป็นไตหลายก้อน จะไม่รู้ว่าเชื้ออยู่ในไตก้อนไหน ก็จะปล่อยเชื้อออกมาสู่สิ่งแวดล้อมได้
โรคบรูเซลโลสิส ติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรงกับเนื้อเยื่อ เลือด ปัสสาวะ สารคัดหลั่งจากช่องคลอด ลูกสัตว์ที่แท้งออกมาโดยเฉพาะรก โดยเชื้อจะเข้าทางผิวหนังที่มีแผลหรือรอยขีดข่วน และการติดต่ออาจเกิดโดยการดื่มน้ำนมดิบจากสัตว์ที่ติดเชื้อ และผลิตภัณฑ์นมดิบ การป้องกัน ไม่ดื่มนมหรือกินผลิตภัณฑ์ จากนมที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อโดยการ พาสเจอร์ไรซ์หรือการทำให้สุกด้วยความร้อนวิธีอื่นๆ ป้องกันการสัมผัสโดยตรงกับเชื่อ เช่น การใช้ถุงมือยางและการล้างมือภายหลังการจับต้องรก สารคัดหลั่งและลูกสัตว์ที่แท้ง รวมทั้ง การฆ่าเชื้อบริเวณที่ปนเปื้อนสิ่งเหล่านี้ และต้องให้ความรู้แก่เกษตรกร คนงานในฟาร์ม โรงฆ่าสัตว์โรงงานชำแหละเนื้อและผู้จำหน่ายตามเขียงเนื้อเกี่ยวกับความเสี่ยงของโรคนี้
นสพ.พรพิทักษ์แนะนำว่า การป้องกันโรคจากสัตว์สู่คนโดยเฉพาะสัตว์ที่ใกล้ตัว ควรดูแลให้สัตว์มีสุขภาพที่ดี ถ้าเกิดกรณีโดนสัตว์กัดหรือข่วนเรื่องแรกที่สำคัญมาก คือการล้างแผลและดูแลบาดแผล หากไม่แน่ใจในสัตว์กัดข่วน เช่น โรคพิษสุนัขบ้า ต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อรับวัคซีน
ส่วนเกษตรกรต้องดูแลสัตว์ตัวเองไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยง เพราะทั้ง 2 โรคอาจจะเกิดจากการติดต่อกันในฝูงสัตว์ก่อนและมีโอกาสมายังเกษตรกรได้ เพราะฉะนั้นควรใส่อุปกรณ์ป้องกันต่างๆและการนำสัตว์เข้ามาเลี้ยงต้องมีการตรวจสอบประวัติก่อนเสมอ เพื่อทำให้เกษตรกรปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ แม้ประเทศไทยจะไม่พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดนกมาตั้งแต่ปี 2549 หลังจากพบผู้ป่วยรายแรกในปี 2547 แต่ยังเป็นโรคจากสัตว์สู่คนที่มีการเฝ้าระวังอย่าง เข้มข้น ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ โรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มีข้อกังวลเกี่ยวกับโรคนี้ว่า เมื่อมีการระบาดโรคไข้หวัดนกในสัตว์แล้วไม่มีการเปิดเผยข้อมูลแม้แต่กับแพทย์รักษาคน จะทำให้การเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกในคนไม่เข้มข้นขึ้น เมื่อคนมารักษาด้วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ แพทย์ก็อาจจะไม่ได้นึกถึงโรคไข้หวัดนกในคนป่วย
"หากมีการปิดข้อมูลพบโรคนี้ในสัตว์ จะทำให้ขาดโอกาสในการเฝ้าระวังในคน เนื่องจากหากไม่แจ้งต่อสาธารณสุข การจะไปแจ้งเตือนแพทย์ให้เฝ้าระวัง ค่อนข้างลำบาก แต่หากมีการประกาศชัดก็จะทำให้มีความระมัดระวังในการตรวจสอบแม้คนมีอาการเล็กน้อย แค่ไข้หวัดก็จะมีการซักประวัติสัมผัสโรค สัมผัสสัตว์เสี่ยง รวมทั้งมีการดำเนินการควบคุมผู้มีประวัติใกล้ชิดสัตว์ที่ป่วยตาย ซึ่งจะเป็นขั้นตอนของสาธารณสุขในการป้องกันโรคได้มากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ประชาชนหากพบสัตว์ตายผิดปกติอย่านำสัตว์มารับประทานและให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทันที"ศ.นพ.ธีระวัฒน์กล่าว
โรคจากสัตว์สู่คนไม่ควรมองข้ามหรือ นิ่งนอนใจ แต่จะต้องระวังเป็นอย่างมาก เพราะอาจติดโรคจากสัตว์แสนรักได้