"5 โรค" ที่ต้องจับตาเฝ้าระวัง
กรมควบคุมโรคพยากรณ์โรคปี 59 เผยมี 5 โรคที่ต้องจับตาและเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คาดไข้เลือดออกมาแรงป่วยถึง 1.6 แสนราย ตามมาด้วย อหิวาตกโรค ไข้หวัดใหญ่ โรคมือเท้าปาก และไข้กาฬหลังแอ่น
แฟ้มภาพ
นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมคณะผู้บริหารกรมควบคุมโรค ร่วมแถลงข่าวเรื่อง “กรมควบคุมโรค สรุปสถานการณ์โรคและภัยสุขภาพที่สำคัญปี 2558 และพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพที่สำคัญ ปี 2559” ว่าในปี 2558 มีเหตุการณ์สำคัญหลายเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนไทย ดังนี้ 1.โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือโรคเมอร์ส ที่เกิดการระบาดขึ้นในเกาหลีใต้ และประเทศไทยก็พบผู้ป่วย 1 ราย 2.ปัญหาหมอกควันจากไฟป่าในอินโดนีเซีย ส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ของไทย 3.โรคไข้เลือดออก ซึ่งพบผู้ป่วยสูงถึง 129,000 ราย 4.การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ในช่วงต้นปีทำให้เกิดการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงในพื้นที่เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5.ปัญหาการบาดเจ็บจากการจราจร โดยมีผู้เสียชีวิต 341 รายในช่วงเทศกาลปีใหม่ และ 364 รายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และ 6.เหตุการณ์ในต่างประเทศ ได้แก่ โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก ไข้หวัดนกในประเทศเพื่อนบ้าน และการเกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาล เป็นต้น
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคได้วิเคราะห์สถานการณ์โรคในระบบเฝ้าระวังต่างๆ ที่ผ่านมา โดยวิธีอนุกรมเวลา (time series analysis) เพื่อวิเคราะห์จำนวนและช่วงเวลาการเกิดโรคต่างๆ เพื่อคาดการณ์แนวโน้มของการเกิดโรค และนำมาพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพที่สำคัญในปี 2559 เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 การพยากรณ์โรคติดต่อ และกลุ่มที่ 2 โรคไม่ติดต่อและภัยสุขภาพ โดยการพยากรณ์ โรคติดต่อ มี 5 โรคสำคัญ ดังนี้ 1.โรคไข้เลือดออก ผลการวิเคราะห์คาดว่าปี 2559 จะมีผู้ป่วยประมาณ 166,000 ราย โดยจะพบผู้ป่วย 5,000-7,500 รายต่อเดือน และสูงขึ้นในฤดูฝนช่วงเดือน มิ.ย.-ส.ค. อาจมากกว่า 25,000 รายต่อเดือน อำเภอที่เสี่ยงต่อการระบาดสูงทั้งสิ้น 228 อำเภอ ใน 56 จังหวัด กระจายอยู่ทุกภาค โดยเฉพาะพื้นที่แหล่งชุมชนซึ่งมีปัญหาสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมและการสุขอนามัยส่วนบุคคล
2.อหิวาตกโรค ในปี 2558 (1 ม.ค.-30 พ.ย.58) พบผู้ป่วย 166 ราย เสียชีวิต 2 ราย โดยพบผู้ป่วยใน 13 จังหวัด ส่วนใหญ่เป็นจังหวัดชายฝั่งทะเลและจังหวัดชายแดน และยังคาดอีกว่าจะยังพบผู้ป่วยอหิวาตกโรคต่อเนื่อง โดยแบ่งความเสี่ยงเป็น 3 กลุ่มจังหวัด ดังนี้ 1.จังหวัดที่พบการเกิดโรคต่อเนื่องคือ สงขลา ตาก และระยอง 2.จังหวัดเสี่ยงสูงคือ จังหวัดชายแดนไทย-ตอนกลาง และตอนล่างของเมียนมา, จังหวัดชายฝั่งทะเล และจังหวัดใหญ่ที่เป็นจุดกระจายอาหารทะเล 3.จังหวัดอื่นๆ อาจเกิดโรคได้หากประชาชนยังรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ
3.โรคไข้หวัดใหญ่ ในปี 2558 (1 ม.ค.-8 ธ.ค.58) พบผู้ป่วย 69,798 ราย เสียชีวิต 37 ราย ส่วนในปี 2559 คาดว่าจะมีผู้ป่วยประมาณ 72,000 ราย ซึ่งจะมีผู้ป่วย 5,000-8,000 รายต่อเดือน ในช่วงฤดูหนาว ม.ค.-มี.ค. และปลายฝนต้นหนาว ส.ค.-พ.ย. มี 9 จังหวัดที่มีความเสี่ยงสูงต่อการระบาด ได้แก่ กรุงเทพฯ พระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา จันทบุรี ระยอง ตราด และภูเก็ต 4.โรคมือเท้าปาก ในปี 2558 (1 ม.ค.-8 ธ.ค. 58) พบผู้ป่วย 37,330 ราย เสียชีวิต 3 ราย ในปี 59 คาดว่าจะมีผู้ป่วยประมาณ 70,000 ราย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน (มิ.ย.-ก.ค.) อาจพบผู้ป่วยมากกว่า 10,000 รายต่อเดือน และ 5.โรคไข้กาฬหลังแอ่น ในปี 2558 (1 ม.ค.-8 ธ.ค.58) พบผู้ป่วย 28 ราย เสียชีวิต 12 ราย ซึ่งเป็นปีที่มีผู้ป่วยมากสุดในรอบ 5 ปี แยกเป็น คนไทย 24 ราย เมียนมา 3 ราย และกัมพูชา 1 ราย ในปี 2559 จากการประเมินความเสี่ยงของการเกิดโรค มี 15 จังหวัดที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ เชียงใหม่ ตาก กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สระแก้ว ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สตูล สงขลา กระบี่ ปัตตานี และยะลา
นพ.อำนวย กล่าวต่อไปว่า สำหรับการพยากรณ์ โรคไม่ติดต่อและภัยสุขภาพ มี 4 เรื่อง ดังนี้ 1.ภัยจากการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส โดยตั้งแต่ปี 2551-2558 พบผู้ป่วยหมดสติขณะอาบน้ำในห้องน้ำที่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นแบบใช้ระบบแก๊ส รวม 13 เหตุการณ์ พบผู้ป่วย 23 ราย เสียชีวิต 6 ราย ส่วนในปี 2559 คาดว่าในช่วงฤดูหนาวซึ่งเป็นเทศกาลท่องเที่ยวของทุกปี (ม.ค.-ก.พ.59) ประชาชนต้องระมัดระวังและเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงที่อาจจะเกิดภัยดังกล่าว 2.เด็กเสียชีวิตจากการจมน้ำ โดยพบว่าตั้งแต่ปี 2552-2557 มีแนวโน้มลดลงจาก 1,207 ราย เหลือ 812 ราย จังหวัดที่มีความเสี่ยงสูงคือจังหวัดที่มีคนจมน้ำเสียชีวิต 20 รายขึ้นไปต่อปี มีจำนวน 40 จังหวัด แม้ว่าการจมน้ำเสียชีวิตในเด็กจะมีแนวโน้มลดลงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่ในปี 2559 ก็ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะฤดูร้อนที่เป็นช่วงปิดเทอม (มี.ค.-พ.ค.) จะมีเด็กตกน้ำ จมน้ำสูงที่สุดในรอบปีของทุกปี และประมาณครึ่งหนึ่งเป็นการเกิดเหตุการณ์ที่แหล่งน้ำธรรมชาติ
3.การเสียชีวิตด้วยโรคทางเดินหายใจในช่วงปัญหาหมอกควัน ข้อมูลจากสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข ปี 2556-2557 พบว่าอัตราตายด้วยโรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ หอบหืด และปอดอุดกั้นเรื้อรัง ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน (เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง น่าน พะเยา และแพร่) มีแนวโน้มสูงในเดือน ม.ค.-มี.ค. ซึ่งในภาคเหนืออากาศจะหนาวเย็นและมีหมอกควันหนาขึ้น อาจทำให้โรคดังกล่าวมีอาการกำเริบรุนแรงได้ และในปี 2559 ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวดังกล่าว
และ 4.การบาดเจ็บจากจราจร ซึ่งพบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์มีแนวโน้มคล้ายคลึงกัน คือช่วงปี 2549-2553 จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมีแนวโน้มลดลง แต่หลังจากปี 2553 จำนวนผู้เสียชีวิตเริ่มคงที่ประมาณ 321-366 รายในช่วงเทศกาลปีใหม่ และประมาณ 271-364 รายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และในปี 2559 ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตประมาณ 268-372 ราย และคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประมาณ 308-387 ราย
สำหรับมาตรการในการดำเนินงานเพื่อปกป้องประชาชนจากโรคและภัยสุขภาพดังกล่าว กรมควบคุมโรคได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด ทั้งหน่วยงานในส่วนกลางและสำนักงานป้องกันควบคุมโรคทั้ง 13 แห่งทั่วประเทศ ดำเนินการพัฒนาระบบเฝ้าระวัง ตรวจจับ และคัดกรองโรคและภัยสุขภาพให้ได้อย่างรวดเร็ว การตอบโต้โรคและภัยอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพพัฒนาศักยภาพด่านควบคุมโรคอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งรวมถึงการพัฒนานักระบาดวิทยาภาคสนาม และการพัฒนาทีมสอบสวนโรคสหสาขาวิชาชีพเคลื่อนที่เร็ว ที่สำคัญการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคในปัจจุบันจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น วัด โรงเรียน และประชาชนทั่วไป เพื่อป้องกันและควบคุมโรค รวมถึงลดการระบาดของโรคที่อาจเกิดขึ้นได้ หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
ที่มา : เว็บไซต์ไทยโพสต์