5 วิธีเช็ค น้ำดื่ม สะอาด
ที่มา : เว็บไซต์ไทยรัฐ
แฟ้มภาพ
ผู้หญิง สายสุขภาพต่างก็รู้ดีว่า การดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ นั้น ดีต่อ สุขภาพ ทั้งในแง่ของผิวพรรณ ช่วยลดน้ำหนัก หรือแม้แต่การรักษาอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ เช่น เป็นหวัด เจ็บคอ แต่รู้หรือเปล่าว่าการตรวจสอบน้ำดื่มสะอาด ต้องดูยังไง?
เมื่อไม่นานมานี้มีการเผยแพร่คลิปในโลกโซเชียล เกี่ยวกับการทดสอบสภาพความเป็นกรด-ด่าง ในน้ำดื่มยี่ห้อต่างๆ ซึ่งผลปรากฏว่า ส่วนใหญ่เป็นน้ำไม่มีคุณภาพ ไม่ควรนำมาดื่ม แต่ทางกรมอนามัยได้ออกมาให้ความรู้ว่า ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนกเกินไป ค่าความกรดด่างไม่ได้บ่งชี้คุณภาพของน้ำดื่มทั้งหมด
5 วิธีดูน้ำสะอาด เพื่อสุขภาพ ผู้หญิง
1.ค่าความเป็นกรด-ด่าง
นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า การจะพิจารณาคุณภาพน้ำดื่ม ว่าดีหรือไม่ดี ต้องใช้ตัวชี้วัดหลายตัวชี้วัด เริ่มกันที่ การวัดค่าความเป็นกรด-ด่าง มีการกำหนดไว้ว่า น้ำดื่มจะต้องมีค่าอยู่ในช่วง 6.5-8.5 ซึ่งมีความเป็นกรดหรือเบสเพียงเล็กน้อย สามารถดื่มได้ ไม่เป็นอันตราย
2. น้ำตู้หยอดเหรียญ ดื่มได้
จากการสุ่มตรวจสอบคุณภาพน้ำบริโภคในปี 2561 ของกรมอนามัยพบว่า มีคุณภาพเหมาะสมสำหรับการบริโภค ร้อยละ 40.13 โดยน้ำประปาน้ำตู้หยอดเหรียญและน้ำบรรจุถัง 20 ลิตร มีคุณภาพเหมาะสมสำหรับการบริโภคมากที่สุด
3. น้ำประปา อยู่ในมาตรฐาน
การตรวจวัดมาตรฐานคุณภาพน้ำประปาดื่มได้ ที่ทางกรมอนามัยกำหนด เพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพน้ำประปานั้น ใช้ตัวชี้วัดในการตรวจสอบมากถึง 21 ตัวชี้วัด ทั้งด้านกายภาพ, เคมี, แบคทีเรีย, ค่าความกระด้าง, ค่าความเป็นกรด-ด่าง ฯลฯ มั่นใจได้ว่าน้ำประปาไทยมีคุณภาพดี
4. ดื่มน้ำต้มสุก ปลอดภัยกว่า
สำหรับพื้นที่ทุรกันดารที่ขาดแคลนน้ำสะอาด หากซื้อน้ำอุปโภคบริโภคจากแหล่งที่ไม่มั่นใจในคุณภาพ ก่อนนำมาดื่ม ควรต้มน้ำให้เดือดอย่างน้อย 1 นาที แล้วเก็บในภาชนะที่สะอาดมีฝาปิดมิดชิด
5.หยดทิพย์ อ.32 ช่วยได้
ส่วนการนำน้ำจากแม่น้ำลำคลอง หรือแหล่งน้ำผิวดินแหล่งอื่นๆ มาใช้โดยตรง ควรปรับปรุงคุณภาพน้ำและฆ่าเชื้อโรคก่อน ด้วยการแกว่งสารส้มชนิดก้อนในน้ำสักครู่ จะเห็นว่ามีตะกอนเริ่มจับตัวที่ก้นภาชนะ ตั้งทิ้งไว้สักพักจนตกตะกอนจนหมด จากนั้นเทเฉพาะน้ำที่ใสแล้วแยกออกมา
จากนั้นนำน้ำใสมาฆ่าเชื้อโรคต่อ ด้วยการใช้หยดทิพย์ อ.32 ของกรมอนามัย ซึ่งเป็นสารละลายคลอรีนชนิดเข้มข้น 2 เปอร์เซ็นต์ ในอัตราส่วน 1 หยดต่อน้ำ 1 ลิตร หรือเติมผงปูนคลอรีนตามปริมาณที่กำหนด จากนั้นปล่อยให้มีระยะเวลาฆ่าเชื้อโรคอย่างน้อย 30 นาที ก่อนนำไปใช้อุปโภคบริโภค