5 ค่านิยมก่อโรคซึมเศร้า-ฆ่าตัวตาย
ที่มา : คมชัดลึกออนไลน์
แฟ้มภาพ
จิตแพทย์เผย 5 ค่านิยมนำสู่โรคซึมเศร้า-ฆ่าตัวตาย เน้นวัตถุ-แข่งขัน-เอาชนะ-กลัวเสียหน้า-สร้างภาพลักษณ์ สังคมซุบซิบ-นินทา ตัวเร่ง คนไทย 1 ใน 4 มีปัญหาสุขภาพจิต
ที่สำนักงานสุขภาพแห่งชาติ นพ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมสุขภาพจิต กล่าวในงานเสวนา “ฆ่าตัวตาย สุขภาวะคนไทยบนปากเหว” ว่า ประเทศไทยมีอัตราการฆ่าตัวตายเป็นอันดับ 57 ของโลก อัตราการฆ่าตัวตายอยู่ที่ 6 ต่อแสนประชากร หรือประมาณ 3,000 คนต่อปี แต่เชื่อว่าน่าจะมีการฆ่าตัวตายมากกว่าตัวเลขนี้ เนื่องจากยังมีการปกปิดข้อมูล เช่น กรณีคนที่ทำประกันชีวิตฆ่าตัวตายแล้วญาติจะปกปิดสาเหตุที่แท้จริง เพื่อให้ได้รับค่าสินไหมทดแทน เป็นต้น สำหรับประเทศไทยข้อมูลที่เคยมีการสำรวจในกลุ่มคนอายุ 15 ปีขึ้นไป พบว่า ทุก 1 ใน 4 คนจะมีโอกาสมีปัญหาทางสุขภาพจิต เนื่องจากครั้งหนึ่งในชีวิตจะมีความทุกข์จนสูญเสียความสามารถในการดำเนินชีวิต แต่ที่เป็นผู้ป่วยจิตเวชจะพบประมาณร้อยละ 1 ของประชากรทั้งหมดเท่านั้น
"สิ่งที่เป็นปัญหาจนอาจทำให้นำไปสู่การป่วยโรคซึมเศร้า หรือป่วยจิตเวชของคนไทย มาจากค่านิยมที่เน้นวัตถุ การแข่งขัน การอยากเอาชนะ กลัวเสียหน้า ต้องการสร้างภาพลักษณ์ สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดความเครียด บวกกับการเกื้อกูลกันของคนไทยหายไป เมื่อมีปัญหาจะไม่ขอรับการช่วยเหลือ เพราะกลัวการเสียหน้า โดยเฉพาะหากเกิดในสังคมที่มีการซุบซิบ นินทา จะมีความเสี่ยงให้เกิดการฆ่าตัวตาย"
ด้าน นางพัชรี คำธิตา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ (จิตเวช) โรงพยาบาลแม่ทา จังหวัดลำพูน กล่าวว่า การรักษาหน้า การซุบซิบ นินทา เป็นเหตุผลเร่งให้คนฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะใน อ.แม่ทา จ.ลำพูน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความสุขมากที่สุดในประเทศ แต่เป็น 1 ใน 8 อำเภอที่มีสถิติการฆ่าตัวตายสูงสุดในจังหวัด และเคยสูงสุดระดับประเทศ โดยอัตราอยู่ที่ 34.51 ต่อแสนประชากร หรือปีละ 20 คน สาเหตุมาจากการกลัวเสียหน้า กับการซุบซิบ นินทา ใครที่เดินทางไปรับบริการที่โรงพยาบาลสวนปรุง จ.เชียงใหม่ เมื่อกลับมาจะถูกนินทา ถูกตีตรา ทำให้คนไม่เข้าสู่ระบบบริการ จนเมื่ออาการรุนแรง ปลีกตัว เก็บตัว ไม่ยอมกิน ไม่ยอมนอน ญาติจึงต้องส่งโรงพยาบาล แต่หลังกลับจากรักษามาอยู่ที่ชุมชน จะถูกตีตรากลายเป็นปัญหาไปเรื่อยๆ
"ที่ผ่านมาจึงมีการปรับทัศนคติของชุมชนใหม่ โดยใช้แกนนำชาวบ้านซึ่งนอกเหนือจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้านแล้ว ยังมีกลุ่มพระสงฆ์ในพื้นที่มาร่วมให้ข้อมูลความรู้ เกิดเป็นโครงการบิณฑบาตความทุกข์ และขอความร่วมมือจากร้านค้าห้ามจำหน่ายสุราในวันพระ และงานศพ ล่าสุด อัตราการฆ่าตัวตายของพื้นที่ อ.แม่ทา ดีขึ้น อยู่ที่ 7 ต่อแสนประชากร"
นางรัชนี แมนเมธี กรรมการสมาคมสายใยครอบครัว กล่าวว่า ปัญหาสุขภาพจิตในกลุ่มวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะระดับประถมศึกษาตอนปลายถึงมัธยมศึกษาตอนต้น จะมีปัญหาสุขภาพจิตแบ่งเป็น 2 กลุ่มอาการ คือ 1. อาการไม่คลุกคลีกับใคร ซึมเศร้า ไม่เข้าสังคม ไม่สดใส และ 2. อาการก้าวร้าว ไฮเปอร์ โดยทั้ง 2 กลุ่มนี้เมื่อเติบโตไป เสี่ยงจะเป็นภาวะซึมเศร้า หรืออาจฆ่าตัวตาย แต่ปัญหาคือครูจะไม่ทราบอาการของเด็ก จึงเสนอว่า ควรจะมีการบรรจุการเรียนรู้เรื่องโรคทางจิตเวชอยู่ในหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับ เพื่อให้เด็กทุกคนมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรค รู้จักวิธีสังเกตโรคซึมเศร้า หรืออาการทางจิตเวชในเด็กเป็นอย่างไร สามารถเข้าสู่การรักษาได้โดยไม่ต้องอายใคร หรือกลัวว่าสังคมจะรังเกียจ