19 องค์กรประกาศ 5 กลุ่มเสี่ยงควรเมินเหล้า

ที่มา : เว็บไซต์ไทยโพสต์ 


ภาพประกอบจากเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์


19 องค์กรประกาศ 5 กลุ่มเสี่ยงควรเมินเหล้า thaihealth


19 องค์กรด้านสาธารณสุขห่วงกลุ่มคนที่ไม่ควรดื่มสุรา พร้อมร่วมกันจัดทำประกาศแนะ 5 กลุ่มเสี่ยงผู้ไม่ควรดื่มโดยสิ้นเชิง หวังเปลี่ยนมุมมอง สร้างความตระหนัก สุราเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ก่อปัญหารุนแรงต่อสังคม เผยน้ำเมาคร่าชีวิตคนทั่วโลกปีละ 3.3 ล้านราย ก่อโรคร้าย 200 ชนิด


ที่อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย กทม. มีเวทีเสวนาในหัวข้อ “ข้อแนะนำสำหรับผู้ไม่ควรดื่มสุรา ใครไม่ควรดื่ม” โดย 19 องค์กรด้านสุขภาพ อาทิ ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กระทรวงสาธารณสุข ราชวิทยาลัยแพทย์สาขาต่างๆ สมาคมองค์กรวิชาชีพ และแพทยสมาคม โดย นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ กรรมการกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ และประธานคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 สสส. กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับ สสส. ศวส. ราชวิทยาลัยแพทย์สาขาต่างๆ สมาคมองค์กรวิชาชีพ และแพทยสมาคม ทั้งหมด 19 องค์กร จัดทำคำแนะนำเพื่อเตือน 5 กลุ่มคนที่ไม่ควรดื่มเด็ดขาดคือ กลุ่ม 1.เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี 2.หญิงตั้งครรภ์และหญิงที่ให้นมบุตร 3.ผู้มีอาชีพขับรถและทำงานกับเครื่องจักรกล 4.ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด สมอง โรคทางจิต ฯลฯ และกลุ่มสุดท้ายคือประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้ดื่มอยู่แล้ว ควรงดดื่มต่อไป และไม่ควรริเริ่มดื่ม อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาที่สำคัญคือท้องถิ่นและทุกชุมชนต้องร่วมมือเปลี่ยนค่านิยมจากที่เห็นว่าการดื่มเป็นเรื่องปกติ มาเป็นการดื่มแอลกอฮอล์เป็นอันตรายต่อสุขภาพและก่อปัญหาต่อสังคมไทย    


ด้าน นพ.พงศ์ธร ชาติพิทักษ์ รองผู้อำนวยการ สคอ. ผู้แทนจากกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ปัจจุบันแม้ว่าจะมีพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอกอฮอล์ พ.ศ.2551 แต่ก็พบว่าปัญหาจากการดื่มเครื่องดื่มแอกอฮอล์ยังมีอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากมีการเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ ทางสื่อออนไลน์เกี่ยวกับประโยชน์ของแอกอฮอลล์ ดังนั้นศูนย์วิจัยปัญหาสุราจึงได้ร่างข้อแนะนำเกี่ยวกับผลเสียของแอลกอฮอล์ขึ้นในเดือน ม.ค.60 โดยได้เชิญราชวิทยาลัยแพทย์และสมาคมวิชาชีพร่วมพิจารณาชุดข้อแนะนำเมื่อวันที่ 15 ก.พ. ซึ่งทาง สธ.ได้แถลงข่าวเปิดตัวชุดแนะนำไปเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง สธ.ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าวมาโดยตลอด และสิ่งที่ สธ.จะมีการดำเนินต่อไปคือการขอความร่วมมือไปยังกระทรวงต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างบรรลุผลคือ ขอความร่วมมือไปยังกระทรวงศึกษาธิการในการเฝ้าระวัง และให้ความรู้เกี่ยวกับโทษของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา ขอความร่วมมือไปยังกระทรวงแรงงาน ห้ามแรงงานต่างๆ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายใน 6 ชั่วโมงในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรต่างๆ กระทรวงคมนาคมให้ความรู้แก่ผู้มีอาชีพขับรถไม่ให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 6 ชั่วโมง และเพิ่มข้อสอบเกี่ยวกับโทษการดื่มสุราในข้อสอบใบขับขี่ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขเองก็จะให้ความสำคัญในเรื่องหญิงตั้งครรภ์และผู้มีโรคประจำตัวในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์


19 องค์กรประกาศ 5 กลุ่มเสี่ยงควรเมินเหล้า thaihealth


นอกจากนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการเสนอแผนยุทธศาสตร์ 5 ยุทธศาสตร์ ต่อคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับชาติ คือ 1.ควบคุมการเข้าถึงทางเศรษฐศาสตร์และกายภาพ โดยนอกจากการกำหนดสถานที่ห้ามซื้อ ห้ามขาย อายุแล้ว ยังจะมีการขอความร่วมมือไปยังกรมสรรพสามิตให้มีการเพิ่มภาษีโดยรวม และค่าธรรมเนียมใบอนุญาต เพราะเชื่อว่าหากมีราคาสูงขึ้นจะลดจำนวนการหาดื่มได้ 2.ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ค่านิยม และลดแรงสนับสนุนการดื่ม ซึ่งตาม พ.ร.บ.ก็มีการห้ามโฆษณาในรูปแบบต่างๆ อยู่แล้ว ซึ่งต่อไปก็จะได้มีการปรับทัศนคติเยาวชนโดยการรณรงค์ต่างๆ พร้อมกันนี้จะได้มีการเพิ่มรูปภาพโรคต่างๆ ที่เกิดจากการดื่มในฉลากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เช่นเดียวกันกับบุหรี่ ซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังเลือกรูปกันอยู่ 3.ลดอันตรายของการบริโภค ออกกฎหมายควบคุมการจัดโปรโมชั่นต่างๆ ในเทศกาลและวันพระใหญ่ ซึ่งไม่ได้ห้ามไม่ให้ฉลอง แต่ให้ดื่มในขอบเขต 4.การจัดการปัญหาในระดับพื้นที่จะมีการถอดบทเรียนจากชุมชนต้นแบบ เพื่อส่งเสริม สนับสนุนนโยบายการดื่มแอลกอฮอล์ในระดับชุมชนให้เข้มแข็ง และ 5.พัฒนากลไกการจัดการและสนับสนุนที่เข้มแข็ง ซึ่งหลังจากร่างยุทธศาสตร์ดังกล่าวผ่านแล้ว สธ.จะได้มีการประกาศเป็นกฎกระทรวงเพื่อแนะนำผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อไป ซึ่งจะได้ผลหรือไม่ก็ต้องอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง.

Shares:
QR Code :
QR Code