17 ตำบลหนุนนมแม่ ปลอดนมผง

ที่มา : สยามธุรกิจ 


17 ตำบลหนุนนมแม่ ปลอดนมผง thaihealth


แฟ้มภาพ


17 ตำบลปลอดนมผง ชูนมแม่สร้างเด็กไทยให้แข็งแรง เสริมไอคิว (IQ) อีคิว (EQ) และอีเอฟ (EF)


การรณรงค์ใช้นมแม่เลี้ยงลูกนั้นทำกันมานานหลายปีแล้ว ล่าสุด นางนันทวัน ยันตะดิลก ผู้จัดการโครงการสุขภาวะดีเริ่มที่นมแม่และบริโภคผักผลไม้ให้ได้ตามเกณฑ์ เปิดเผยถึงการรณรงค์โครงการใน 5 จังหวัด ได้แก่ ลำพูน อุบลราชธานี ระยอง กาญจนบุรี และพัทลุง รวม 20 ตำบล โดยคัดเลือกพื้นที่และชุมชนต่างๆ ตามคำแนะนำของกรมอนามัยและสาธารณสุขจังหวัด ตลอด 1 ปีเต็มซึ่งเพิ่งจะสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคม 2560 ว่า มีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจเกินความคาดหมายเป็นอย่างมาก มีตำบลที่ผ่านเกณฑ์การประเมินและตอบรับเป็นตำบลปลอดนมผงทั้งสิ้น 17 ตำบล และตำบลคนกินผักครบทั้ง 20 ตำบล โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญจากเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพสต.) และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งส่วนใหญ่มีความเข้มแข็งและกระตือรือร้นในการทำงาน และสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ ของโครงการเป็นตัวเสริม


ถามว่าให้ลูกกินนมแม่แล้วดีอย่างไร นายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล ประธาน สมาพันธ์เครือข่ายนมแม่แห่งประเทศไทย (Thai Alliance for Breastfeeding Action : TABFA) ตอบว่า นมแม่เป็นน้ำนมธรรมชาติที่มีสารอาหารครบถ้วนและเหมาะสมกับการเติบโตของสมองและอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ทั้งยังช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคต่างๆ ได้ด้วย แต่นมผสมทุกชนิดไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว ขณะที่ช่วงแรกเกิดจนถึงวัย 2 ขวบ หากเด็กๆ ได้รับนมแม่อย่างต่อเนื่องแล้ว จะทำให้เนื้อสมองเติบโตขึ้นมากกว่าร้อยละ 70 เลยทีเดียว ส่งผลดีต่อพัฒนาการทางด้านไอคิว (IQ) อีคิว (EQ) และอีเอฟ (EF) เป็นอย่างมาก ดังนั้น ในช่วง 2 ปีแรกจึงถือเป็นโอกาสทองของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นอย่างยิ่ง


โดยในส่วนของ IQ (Intelligence Quotient) หรือความฉลาดทางสติปัญญานั้น จะขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของพ่อและแม่ส่วนหนึ่ง และสารอาหารที่เด็กได้รับเข้าไปพัฒนาสมองอีกส่วนหนึ่ง ขณะที่ EQ (Emotional Quotient) หรือความฉลาดทางอารมณ์ เด็กที่ได้รับนมแม่จะได้จากการกอด สัมผัส พูดคุย และสบตาแม่ ซึ่งจะช่วยสร้างสายใยความรักความอบอุ่นและความเชื่อมั่นในตัวเองตั้งแต่เด็ก สำหรับ EF (Executive Functions) หรือทักษะการคิดเพื่อการประสบ ความสำเร็จในชีวิตนั้น มีงานวิจัยใหม่ๆ ในต่างประเทศระบุว่า ความเฉลียวฉลาดและตัดสินใจได้ดีของคนเรานั้น จะต้องเริ่มขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยนมแม่ติดต่อกันนานหลายปี ซึ่งจะสำคัญกว่า IQ และ EQ ที่สังคมเคยรับรู้มาก่อนหน้า


แพทย์หญิงสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ทางด้านทารกแรกเกิดและเชี่ยวชาญด้านนมแม่ โรงพยาบาลบีเอ็นเอช และเจ้าของ facebook  สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ หรือที่รู้จักกันในนาม "ป้าหมอ" เปิดเผยถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ผ่านทางเฟซบุ๊ก ว่า ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดคำถามในทำนองเดียวกันว่า 'ทำอย่างไรถึงจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ประสบผลสำเร็จ' โดยเฉพาะผู้ที่เคยเลี้ยงลูกด้วยนมตัวเองและนมผสมไปพร้อมๆ กัน เพราะความไม่รู้ ไม่เข้าใจในเรื่องคุณประโยชน์ของนมแม่ หรืออาจจะไปคลอดลูกใน โรงพยาบาลที่ไม่สนับสนุนเรื่องนมแม่ แต่เมื่อได้รับข้อมูลของนมแม่อย่างถูกต้องแล้ว ก็สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จนประสบผลสำเร็จได้ในที่สุด


"ผู้ที่เข้าไปปรึกษาในเฟซบุ๊ก 100 คน จะหันกลับมาให้นมแม่เพียงอย่างเดียว ได้ราว 20 คน แค่นี้หมอก็พอใจแล้ว เพราะเวลาที่เข้าไปตอบคำถามและให้ข้อมูลต่างๆ นั้นมีค่อนข้างจำกัด ในช่วงปีแรกๆ เหน็ดเหนื่อยและได้ผลช้ามาก แต่หลังๆ เริ่มดีขึ้น social network เติบโตไว แม่ๆ ทั้งหลายสงสัยอะไรก็หาคำตอบได้ด้วยตัวเอง เพียงแค่เข้า google พิมพ์ปัญหาที่พบ เช่น ลูกตัวเหลือง+facebook สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ ข้อมูลก็จะขึ้นมาทันที นอกจากนี้ ยังมี application นมแม่ ให้ down load ฟรี ทั้ง IOS และ ANDROID อีกด้วย"


คุณแม่มือใหม่ที่อยากจะให้ลูกเติบใหญ่มีพัฒนาการทางร่างกาย สมองและอารมณ์ที่ดี ควรที่จะศึกษาข้อมูลจากเฟซบุ๊กของป้าหมอให้มากๆ นะ

Shares:
QR Code :
QR Code