10 ปัญหาสำคัญ เร่งปรับก่อนอาเซียน
อธิบดี คร. เผย 10 ปัญหาสำคัญที่กรมควบคุมโรคต้องเร่งดำเนินการเพื่อรองรับการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เน้นเรื่องสุขภาวะของคนในชาติ เช่น โรคติดต่อ โรคไม่ติดต่อ แอลกอฮอล์ ฯลน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องสำคัญระดับชาติ
นายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวในโอกาสคล้ายวันสถาปนากรมควบคุมโรค ครบรอบ 39 ปี ว่าการดำเนินงานของกรมควบคุมโรคตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ส่งผลทำให้โรคต่างๆ ลดลง เช่น โรคโปลิโอ โรคหัด โรคเท้าช้าง โรคเรื้อน จนไม่เป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศ สามารถลดผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตได้เป็นจำนวนมาก แต่ยังมีโรคต่างๆ อาทิ โรคติดต่ออุบัติใหม่ เช่น ชาร์ส ไข้หวัดนก โรคมือเท้าปาก วัณโรคดื้อยา โรคที่จะกลับมาเป็นปัญหาใหม่เช่น โรคคิตีบ ไอกรน โรคมาลาเรียดื้อยา รวมทั้งปัญหาพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อ เช่น บุหรี่ เหล้า และพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดต่อของโรค เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายการทำงานของกรมควบคุมโรคอย่างมาก
เมื่อประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี พ.ศ. 2558 ไทยจะเป็นศูนย์กลางคมนาคมของภูมิภาค มีกรเคลื่อนย้ายประชากร เคลื่อนย้ายสัตว์ พืช อาหาร ทำให้คนไทยมีความเสี่ยงต่อภัยสุขภาพ และเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อข้ามพรมแดนกรมควบคุมโรคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับโรคติดต่อต่างๆ ที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น
นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่ามี 10 เรื่อง เน้นหนักที่เป็นปัญหาสำคัญที่กรมควบคุมโรคจะต้องดำเนินการในปีงบประมาณ 2557 นี้คือ
1. การกวาดล้างโรคหัดและโรคโปลิโอโรค ที่มักเกิดในเด็กซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการให้วัคซีน
2. การควบคุมโรคอาหารเป็นพิษ โรคที่เกิดจากการบริโภคอาหารอาหารที่ไม่ปลอดภัยและไม่สะอาดส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับเด็ก เช่นจากการไปทัศนะศึกษาเป็นหมู่คณะมีการเตรียมอาหารใว้ตั้งแต่ตอนเย็นและวันรุ่งขึ้นก็นำมารับประทาน ซึ่งเป็นวิธิการที่ไม่ถูกต้อง หรือกรณีการนำไข่ต้มแก้บนมาให้เด็กรับประทานทำให้เกิดอาหารเป็นพิษทั้งโรงเรียนซึ่งเป็นภาพที่ไม่ดีกับเด็กนักเรียนและเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการ
3. วัณโรค ต้องเร่งรัดค้นหาผู้ป่วยวัณโรคในกลุ่มเสี่ยง ช่วยเหลือสนับสนุนผู้ป่วยวัณโรคในกลุ่มเสี่ยง ช่วงเหลือสนับสนุนผู้ป่วยให้เข้าถึงบริการการรักษาที่มีคุณภาพตามาตราฐานสากลป้องกันวัณโรคดื้อยารวมทั้งการส่งเสริมพัฒนาภาคีเครือข่ายให้มีส่วนร่วมในกาควบคุมป้องกันวัณโรคที่ยังเป็นปัญหาขณะนี้
4. ควบคุมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป้าหมายมี 3 เรื่อง หรือ 3 ต. คือ ต.1 ต้องไม่ติดเชื้อ ซึ่งมีการดำเนินงานเรื่องถุงยางอนามัย 100% อยู่แล้ว ต.ที่ 2 ต้องไม่ตาย ถ้ามีการเจาะเลือดแล้วรู้ผลเร็วว่าติดเชื้อ ต้องมียาสำหรับการรักษา เพื่อลดการสูญเสียและเกิดภาวะแทรกซ้อน และต.ที่ 3 ต้องไม่มีการตีตราว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ติดเชื้อ เอดส์เหมือนโรคเบาหวาน ที่สามารถรักษาและมีชีวิตที่ดีได้
5. การพัฒนาศูนย์เด็กเล็กคุณภาพปลอดโรค ต้องเข้าไปดูแลเด็กในเรื่องากรให้พัฒนาการที่สมวัย ให้ปลอดโรคที่มักเกิดขึ้นกับเด็กได้แก่ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคมือเท้าปาก โรคหัด และโรคท้องร่วง โดยเน้นไปที่การฉีดวัคซีนป้องกันโรคในเด็กเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังไม่ครอบคลุม ผู้ใหญ่ควรพาเด็กไปฉีดวัคซีนป้องกันโรค รวมถึงไอกรนและบาดทะยักด้วย
6. การลดพฤติกรรมเสี่ยงในการบริโภคแอลกอฮอล์ เรื่องการดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัญหาวัยรุ่นที่สำคัญขณะนี้ ซึ่งปัจจุบันวัยรุ่นมีการดื่มเพิ่มมากขึ้น จึงต้องมาคิดกันจะสามารถลดการดื่มแอลกอฮอล์ของวัยรุ่นได้อย่างไร ต้องเข้าไปจัดการในเรื่องควบคุมตามกฎหมาย ซื้อ-ขายตามเวลา พฤติกรรมการเข้าถึงสุราให้ยากมากขึ้น และกรควบคุมการโฆษณาอย่างเข้มงวด
7. การควบคุมโรคไม่ติดต่อ ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โดยนำหลักพฤติกรรมเรื่อง 3 อ. ไดแก่เรื่องอาหาร การออกกำลังกาย และควบคุมอารมณ์และ 2ส. คือ การสูบบุหรี่ และการดื่มสุรา นำมาใช้ในการดำรงชีวิต เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคเบาหวานความดันและภาวะโรคแทรกซ้อนตามมา
8. การลดอุบัติเหตุทางถนน โดยเข้าไปลดการสูญเสียและป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เช่น เมาแล้วขับ ไม่สวมหมวกกันน็อก และไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร ซึ่งเป็นเรื่องที่กรมควบคุมโรคต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนช่วยกันดูแลในเรื่องนี้ด้วย
9. การขยายประสิทธิภาพการควบคุมเชื้อโรคในโรงพยาบาล ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีสถาบันบำราศนราดูรที่เป็นต้นแบบและเป็นหัวใจหลักในการพัฒนาเรื่องนี้มานาน หากเข้ารับการรักษาและมีการติดเชื้อตามมาจะเป็นการสูญเสียในหลายๆเรื่อง รวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วย
10. การเฝ้าระวังป้องกันโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเกษตษรกรและผู้ทำงานโรงงานอุตสาหกรรม เพราะบางครั้งต้องมีการสัมผัสกับสารเคมี จึงเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ได้ง่าย ดังนั้นต้องมีการจัดระบบเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคเข้าไปดูและแนะนำ เพื่อให้การป้องกันโรคให้เกิดประสิทธิภาพและช่วยให้ผู้ประกอบอาชีพมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์