10คำแนะนำในการป้องกันและดูแลรักษาผิวในวัยสูงอายุ

ที่มา : มูลนิธิหมอชาวบ้าน


10 คำแนะนำในการป้องกันและดูแลรักษาผิวในวัยสูงอายุ thaihealth


แฟ้มภาพ


คนส่วนใหญ่ผิวจะเริ่มแปรสภาพไปจากเดิมจนสังเกตเห็นได้ชัดเมื่ออายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป ความเปลี่ยนแปลงประการแรกที่แสดงว่าผิวเริ่มแก่แดด ได้แก่ จุดสีน้ำตาลอ่อนเป็นวงเล็กๆ รูปร่างกลม ขอบไม่ชัดเจน ไม่นูนจากผิว และไม่มีอาการใดๆ


เมื่อเริ่มขึ้นแล้วก็จะทยอยเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ บริเวณที่เป็นก่อนได้แก่ หลังมือและแขน ต่อมาเกิดจุดขาวแทรกเข้ามาด้วย ทำให้มองเห็นเป็นจุดด่างดำสลับขาวที่เรียกว่า “ตกกระ” ฉะนั้นคำว่า วัยตกกระจึงเป็นคำที่มีความหมายเป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่าหมายถึงวัยสูงอายุ บางคนอาจตกกระทั้งตัว แม้แต่ภายในร่มผ้าที่ไม่ได้ถูกแดดด้วย 


10 คำแนะนำในการป้องกันและดูแลรักษาผิวในวัยสูงอายุ


  1. หลีกเลี่ยงการตากแดดโดยเฉพาะแดดที่ร้อนจัด ในกรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรป้องกันด้วยการใช้ร่ม ใส่หมวก สวมเสื้อผ้าป้องกัน ส่วนการใช้ครีมหรือโลชั่นกันแดดมีประโยชน์ในแง่กันผิวไหม้และกันฝ้า จะกันผิวแก่ได้น้อย
  2. รักษาความสะอาดของร่างกายด้วยการอาบน้ำวันละ 2 ครั้ง ไม่ควรอาบน้ำบ่อยเกินไป ไม่ควรอาบหรือแช่น้ำที่อุ่นจัดเพราะจะทำให้ผิวแห้ง
  3. สบู่ที่ใช้ควรเป็นชนิดผสมไขมัน ได้แก่ สบู่ก้อนที่มีจำหน่ายทั่วไป ไม่ควรใช้สบู่ยา เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้
  4. ใช้แป้งฝุ่นทาบริเวณข้อพับ เช่น ขาหนีบ รักแร้ เพื่อป้องกันความอับชื้น อันเป็นบ่อเกิดแห่งเชื้อรา
  5. ถ้าผิวแห้งควรใช้ครีมชนิดให้ความชุ่มชื้นนวดผิวหลังอาบน้ำทุกครั้ง
  6. ป้องกันการเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ เพราะผิวจะฟกช้ำและเป็นแผลง่าย และเมื่อเกิดบาดแผลจะรักษาให้หายยาก
  7. เมื่อมีตุ่มเนื้องอกที่ผิวหนังหรือแผลเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์
  8. ผู้สูงอายุควรตรวจสุขภาพร่างกาย รวมทั้งการตรวจสภาพผิวหนังปีละ 1 ครั้ง 
  9. บำรุงรักษาสุขภาพของร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและย่อยง่าย การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนอย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นพิษต่อร่างกาย เช่น อาหารหมักดอง บุหรี่ เหล้า เป็นต้น
  10. ทำจิตใจให้เบิกบานแจ่มใสอยู่เสมอ


เมื่อผิวเริ่มไม่สดใสเต่งตึงเหมือนวัยรุ่น คนเรามักจะหาวิธีการต่างๆที่จะทำให้ผิวคงสภาพเดิมไว้ให้นานที่สุด ด้วยการเสาะหาเครื่องสำอางที่อ้างสรรพคุณชะลอความชรา หรือยาอายุวัฒนะในรูปแบบต่างๆ ทั้งนี้เป็นการเสียเงินทองโดยเปล่าประโยชน์ ในความเป็นจริงแล้วยังไม่มียาใดหรือวิธีใดที่จะสามารถฝืนสังขารไม่ให้แก่ได้อย่างถาวรเลย

Shares:
QR Code :
QR Code