ไทยเจ๋งคิดค้นแบบประเมิน’ออทิสติก’
ที่มา : มติชน
แฟ้มภาพ
สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์คิดค้นเครื่องมือตรวจภาวะ 'ออทิสติก'เด็กไทย ทดลองใช้แล้วในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ เผยได้ผลดี เตรียมใช้ทั่วประเทศในปี 2561
พญ.ดวงกมล ตั้งวิริยะไพบูลย์ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ จ.เชียงใหม่ ในสังกัดกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า การวินิจฉัยภาวะออทิสติกในเด็กและเข้าสู่กระบวนการรักษาได้อย่างรวดเร็ว จะช่วยให้เด็กกลับมามีสติปัญญาสูงขึ้น สามารถดำรงชีวิตในสังคมได้สูงมากขึ้น ซึ่งสถาบันมีการเปิดให้บริการคลินิกพิเศษเพื่อวินิจฉัย ภาวะออทิสติกด้วยเครื่องมือเอดอส (Autism Diagnostic Observation Schedule : ADOS) ซึ่งเป็นเครื่องมือมาตรฐานสากลในการวินิจฉัยเด็กที่สงสัยว่ามีภาวะออทิสติก โดยแบ่งเป็นชุดสัมภาษณ์ผู้ปกครองและชุดการประเมินโดยให้เด็กทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อสังเกตพฤติกรรมของเด็กในด้านการสื่อสาร ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การเล่น จินตนาการ และพฤติกรรมซ้ำๆ ซึ่งผู้ปกครองจะอยู่อีกห้องหนึ่งในการร่วมสังเกตพฤติกรรมของลูก ใช้เวลา 30-45 นาที ทุกรายจะมีการบันทึกวิดีโอ หลังจากประเมินแล้วจะมีการให้คะแนน แปลผล แล้วจึงแจ้งแก่ผู้ปกครอง ปัจจุบันมีการใช้เครื่องมือเอดอสในการวินิจฉัยภาวะออทิสติกมากกว่า 10 ปี มีจำนวนเด็กทั้งสิ้น 721 ราย โดยรายที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถให้การวินิจฉัยได้ คือ 13 เดือน ซึ่งระบบนี้จะส่งผลให้เด็กได้รับการรักษาแบบเข้มข้นตั้งแต่อายุยังน้อย
พญ.ดวงกมลกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้สถาบันอยู่ระหว่างวิจัยและพัฒนาเครื่องมือวินิจฉัยภาวะออทิสติกที่เป็นของประเทศไทย เรียกว่าเครื่องมือทีแดส (Thai Diagnostic Autism Scale : TDAS) ซึ่งจะเป็นแบบประเมินชุดเดียวทั้งการสังเกตพฤติกรรมเด็กและสัมภาษณ์ผู้ปกครอง โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ขณะนี้พัฒนาเครื่องมือแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยนำไปให้โรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลทั่วไป ในแต่ละภาคของประเทศไทยทดลองใช้ประเมินภาวะออทิสติกในเด็ก
"ขณะนี้โรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป ใน 8 จังหวัดภาคเหนือได้ดำเนินการแล้วเสร็จ สะท้อนกลับมาว่าเด็กมีความเข้าใจและประสิทธิภาพดีมาก โดยยังต้องรอผลการดำเนินการในภาคอื่นด้วยว่าเป็นอย่างไร จึงจะสามารถระบุประสิทธิผลของเครื่องมือตัวใหม่สำหรับประเทศไทยได้ ทั้งนี้เรื่องของประสิทธิผลจะใช้นักสถิติในการเก็บข้อมูลและเทียบเคียงผลกับเครื่องมือมาตรฐานว่าใช้ได้ตรงกันหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้ได้มาตรฐานการวินิจฉัยของคนไทยเอง ทั้งเรื่องของภาษา การสื่อสาร และสังคม เนื่องจากประเทศไทยมีบริบท วัฒนธรรม การสอนเด็ก และวิถีชีวิตที่แตกต่างจากเมืองนอก จึงต้องมีการปรับเครื่องมือประเมินวินิจฉัยที่เป็นบริบทของประเทศไทยเอง ซึ่งจากการที่เคยไปสอนประเทศข้างเคียงในแถบอาเซียน หลายประเทศก็มีความสนใจที่อยากจะขอลิขสิทธิ์เครื่องมือทีแดสของไทยไปแปลใช้ประเมินออทิสติกในประเทศตัวเอง เพราะมีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน คาดว่าทั้งหมดจะแล้วเสร็จและเริ่มใช้เครื่องมือทีแดสทั่วประเทศไทยได้ในปี 2561" พญ.ดวงกมลกล่าว