ไทยมีผู้สูงวัยโดดเดี่ยวเพิ่มสูงขึ้น
ที่มา : เว็บไซต์สยามรัฐ
แฟ้มภาพ
ไทยมีผู้สูงวัยอยู่บ้านตามลำพัง เพิ่มกว่า 2 เท่าตัวในรอบ 20 ปี ขณะอีก 1.3 ล้านคน อยู่ในสภาพติดบ้าน-ติดเตียง
น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ทำโครงการพัฒนาระบบดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขให้ผู้สูงอายุที่มีภาวะต้องพึ่งพิงความช่วยเหลือ เพื่อจัดระบบดูแลให้มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนในแต่ละตำบล ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นนำไปสู่การพัฒนาเป็นตำบลจัดการสุขภาพที่มีการบูรณาการการทำงานระหว่างเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ผู้นำชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุข และประชาชน เพื่อดูแลสุขภาพและคุณภาพชีวิตประชาชนทุกกลุ่มวัยในพื้นที่ โดยมีนโยบายผลักดันให้เกิดตำบลจัดการสุขภาพเป็นรูปธรรมภายในปี 59 จำนวน 5,079 ตำบล หรือร้อยละ 70 ของตำบลที่มีทั้งหมด โดยการทำงานจะเน้นหนักสร้างเสริมสุขภาพ ลดเจ็บป่วย ประชาชนสุขภาพดี
ข้อมูลผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดในปี 57 ไทยมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 10 ล้านกว่าคน หรือร้อยละ 15 ของประชากรทั้งประเทศ กลายเป็นสังคมของผู้สูงวัย ซึ่งมีผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรทั้งประเทศ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่วัยเด็ก วัยแรงงานลดลง ผู้สูงอายุส่วนใหญ่อยู่นอกเขตเทศบาล ที่น่าสังเกต พบว่า มีผู้สูงอายุร้อยละ 8.7 หรือ 8 แสนกว่าคนที่อยู่บ้านตามลำพัง ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัวในรอบ 20 ปี สาเหตุที่อยู่ลำพังคนเดียว คือ โสด ไม่มีลูกหลาน คู่สมรสเสียชีวิตก่อน หรือลูกหลานมีภารกิจอยู่ต่างถิ่น ผู้สูงอายุที่อยู่ลำพัง จึงขาดการดูแลยามเจ็บป่วย เหงา และมักจะมีปัญหาการเงินด้วย
นอกจากนี้ ยังมีผลการตรวจคัดกรองสุขภาพของก.สาธารณสุของผู้สูงอายุ 6 ล้านกว่าคนในปี 58 พบผู้สูงอายุ 1.3ล้านกว่าคน อยู่ในสภาพติดบ้าน คือ มีข้อจำกัดในการเดินไม่สะดวกในการออกนอกบ้าน และอยู่ในสภาพหง่อม นอนติดเตียง ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเอง ต้องพึ่งพิงคนช่วยดูแล
น.ต.นพ.บุญเรือง กล่าวว่า ในการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน หมู่บ้าน กรม สบส. ได้จัดอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขทุกจังหวัดรวม 52,236 คน ตำบลละ6คน ให้ร่วมจัดการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน ประสานทำงานร่วมกับทีมหมอครอบครัวเยี่ยมบ้าน เพื่อดูแลช่วยเหลือผู้สูงอายุทั้งด้านการได้รับสิทธิสวัสดิการต่างๆ การปรับสภาพที่อยู่อาศัยให้เหมาะกับสภาพการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ สร้างสิ่งแวดล้อมที่ยู่อาศัยให้ปลอดภัยที่สุด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งที่พบบ่อยคือ หกล้ม และกระตุ้นในครอบครัวให้ความสำคัญในการดูแล ซึ่งจะทำให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลในชุมชนอย่างอบอุ่น ลดการพึ่งพิงโรงพยาบาล เกิดระบบดูแลเชื่อมต่อกันระหว่างภาครัฐ ชุมชน ครอบครัว โดยจะขยายให้ครอบคลุมทุกตำบล ภายในปี 61 ตามเป้าหมายกระทรวงสาธารณสุขต่อไป