“โยคะ” นับเป็น “ศาสตร์” อีกหนึ่งแขนงของการดูแลสุขภาพ ที่บ้านเรากำลังได้รับความนิยมอย่างมากในเวลานี้ เพราะสามารถเล่นได้กับทุกเพศ-ทุกวัย โดย “โยคะ” เป็นการสร้างความสมดุลของ “ร่างกาย-จิตใจ-จิตวิญญาณ” รวมให้เป็นหนึ่งเดียวภายใต้การควบคุมของจิตใจ ให้เกิดความสมดุลของพลังด้านบวกและด้านลบ ทำให้เรามีสติและอยู่บนพื้นฐานของความจริงของชีวิต “โยคะ” จึงช่วยบรรเทาและบำบัดโรคได้!!!
การฝึกท่า “โยคะ” จะเป็นการฝึกการสร้างสมดุลของ “ร่างกาย-จิตใจ-จิตวิญาณ” ซึ่งจะประกอบไปด้วยส่วนที่สำคัญ 3 อย่างได้แก่ การออกกำลังกายหรือการฝึกท่าโยคะ การหายใจหรือลมปราณ และการทำสมาธิ ซึ่งการฝึกท่า “โยคะ” จะเป็นการกระตุ่มอวัยวะและต่อมต่างๆในร่างกายทำงานดีขึ้น ส่งผลให้สุขภาพดีขึ้น การหายใจเป็นแห่งก่อให้เกิดพลังของชีวิต การควบคุมการหายใจจะทำให้จิตใจและสุขภาพดีขึ้น หากได้ฝึกทั้ง 3 อย่างจะทำให้ผู้ฝึกมีสุขภาพที่แข็งแรง จิตใจผ่องใสและเข็มแข็ง

“โครงการสร้างเสริมสุขภาพในองค์กรทางนิติบัญญัติ“ ภายใต้การสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ที่เล็งเห็นความสำคัญด้านสุขภาพของ ส.ส. ส.ว. ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐสภา ตลอดจนสื่อมวลชนประจำรัฐสภา ที่นับว่าเป็นบุคลากรที่ต้องทำงานหนักต่อเนื่อง ตกอยู่ในภายะเคร่งเครียดตลอดเวลา และไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย สสส.จึงได้นำกิจกรรม “โยคะ” ควบคู่กับการออกกำลังกายแบบ “แอโรบิค” เข้ามารณรงค์สร้างเสริมสุขภาพให้กับ ส.ส. ส.ว. ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐสภา ตลอดจนสื่อมวลชนประจำรัฐสภา โดยทุกเย็น “วันจันทร์” จะเป็นการออกกำลังกายแบบ “โยคะ” ขณะที่เย็น “วันอังคารและวันศุกร์” เป็นการออกกำลังกายแบบ “แอโรบิค” ที่ได้รับการตอบรับด้วยดีจากบุคลากรในรัฐสภาที่ต้องการหาเวลาออกกำลังกาย ล่าสุดต้องเพิ่มวันออกกำลังกายแบบ “โยคะ” เพิ่มอีก 1 วันคือประจำทุกเย็นวันพฤหัสบดี
ว่าที่ ร.ต.กฤษดา สุรำไพ ครูสอนโยคะประจำโรงแรมเจดับบลิว มาริออต ที่เข้าร่วมกิจกรรมเป็นครูฝึกให้กับ สสส. ได้เล่าถึงความชื่นชอบในศิลปะของโยคะว่า เริ่มสนใจโยคะมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนั้นอยู่คณะวิทยาศาสตร์การกีฬาอายุประมาณ 21-22 ปีพอเรียนจบก็ได้มาสอน “โยคะ” ที่โรงแรมเจดับบิว มาริออตเป็นที่แรก และเริ่มรับสอนโยคะตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสอนเดี่ยวตัวต่อตัวที่บ้าน หรือสอนเป็นกลุ่มตามสถานที่จัดให้ ซึ่ง “โยคะ” จะมีหลายแขนงแต่แขนงที่สนใจคือ “หัตถะโยคะ” ที่ช่วยเรื่องจิตใจ สมาธิและบำบัดโรค โดยผู้ที่สนใจฝึกโยคะจะเป็นคนที่ทำงานประจำไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย การฝึกโยคะจะเน้นเรื่องการ กำหนดลมหายใจเพื่อทำให้ร่างกายผ่อนคลายมากที่สุด ซึ่งสิ่งสำคัญที่อยากแนะนำคนที่สนใจเล่นโยคะคือต้องตัดความกังวลเรื่องความ ยากทิ้งไป เพราะการเล่นโยคะไม่ได้ยากอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพียงแค่ทำจิตใจให้สบายก็สามารถฝึกโยคะได้แล้ว
คุณฐาปนีย์ นาวานิช ข้าราชการรัฐสภา อายุ 54 ปี ผู้เข้าร่วมกิจกรรมโยคะกับ สสส. บอกเล่าถึงความรู้สึกก่อนมาเริ่มเล่นโยคะว่า เมื่อก่อนเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเลย เพราะทำงานไม่มีเวลา ประกอบกับอายุมากแล้ว จึงเริ่มที่จะมีอาการปวดแขน และเจ็บที่สะบักซ้าย เนื่องจากต้องนั่งทำงานเป็นเวลานานๆ วิธีการแก้ปัญหาคือ ต้องไปใช้บริการนวดแผนไทยอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้หายขาด แต่เมื่อ สสส.ได้จัดให้มีคอร์สฝึกโยคะที่รัฐสภาขึ้นจึงได้เข้าร่วม เมื่อได้เล่นครั้งแรกก็รู้สึกว่าอาการปวดแขนและเจ็บที่สะบักซ้ายก็หายไปทันที จากนั้นมาก็ได้เล่นมาเรื่อยๆไม่เคยขาด ทำให้ชอบที่จะเล่นโยคะ เพราะรู้สึกว่าเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับวัย เหมาะสำหรับคนที่มีอายุ เพราะไม่ได้เป็นการออกกำลังกายที่ต้องใช้กำลังมากเหมือนกับการเต้นแอโรบิคที่ต้องใช้แรงเยอะ นอกจากนี้ยังทำให้ได้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ฝึกสมาธิ รวมทั้งได้รู้หลักการหายใจที่ถูกต้อง เพียงแค่ได้มาเล่นครั้งเดียวก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และเมื่อเล่นมาเรื่อยๆ ก็ไม่เคยมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายอีกเลย

ขณะที่ คุณอรวรรณ พยัคชาติ ผู้สื่อข่าว tnn ประจำรัฐสภา บอกว่าเป็นเรื่องดีที่ สสส.เห็นความสำคัญเรื่องสุขภาพของบุคคลที่ทำงานในรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักข่าว และข้าราชการสภาฯ ซึ่งในแต่ละวันต้องทำงานหนักตลอดทั้งวัน และทุกคนไม่มีเวลาไปออกกำลังกายที่ไหน เช้าต้องเร่งรีบมาทำงานกว่าจะเลิกงานก็มืดค่ำ โดยเฉพาะช่วงเปิดสมัยประชุมสภาฯที่ต้องเคร่งเครียดกับการประชุมเรื่องต่างๆในสภาจำนวนมาก นอกจากการประชุมส.ส.และส.ว.แล้ว ยังมีการประชุมของคณะกรรมาธิการฯต่างๆอีกหลายคณะ ไม่นับกลุ่มชาวบ้านที่เข้ามาร้องเรียนอีกจำนวนมาก ซึ่งทำให้ทั้งนักการเมือง เจ้าหน้าที่สภาและนักข่าวเครียดกับงานตลอดทั้งวัน และไม่มีเวลาออกกำลังกายที่ไหน จึงอยากให้ สสส.เข้ามาสนับสนุนกิจกรรมด้านสุขภาพดีๆอย่างนี้ต่อเนื่อง ซึ่งวันไหนตนว่างจากการรายงานข่าวแล้วก็ชอบไปร่วมเล่น “โยคะ” และ “แอโรบิค” เพราะได้ออกกำลังกายแล้วทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายความเครียด ที่สำคัญทำให้รู้สึกสดชื่นและกลับบ้านนอนหลับสบาย
สำหรับประโยชน์ของ “การฝึกโยคะ” นั้น เป็นการค้นหาความสุขที่แท้จริง ความสุขที่ไม่ใช่เกิดจากความพอใจหรือความรื่นรมย์ การฝึกโยคะจะทำให้ร่างกายแข็งแรงมีความสมดุลของระบบประสาท และมีรู้ความหมายแท้จริงของชีวิต จิตใจมั่นคงไม่หวั่นไหวตามสิ่งแวดล้อม ไม่เสียใจ ไม่ดีใจเกินไป เป็นการฝึกจนเกิดปัญญา แต่ปัจจุบันได้นำมาฝึกเพื่อประโยชน์ดังนี้ คือ ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย ผ่อนคลายความเครียดและอาการปวดเมื่อย ทำให้รูปร่างและทรวดทรงดีขึ้น ทำให้การเคลื่อนไหวของข้อดีขึ้น มีสมาธิในการทำงานดีขึ้น ทำให้มีสติดีขึ้นรู้ว่าเรากำลังทำอะไรเพื่ออะไร ทำให้ใจเย็นลง และยังช่วยลดอาการปวดประจำเดือนอีกด้วย
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า