โซนนิ่ง 60 พื้นที่ ‘สงกรานต์ปลอดภัย’ พื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า
ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ปี 2549-2553 เทศกาลสงกรานต์คร่าชีวิตคนไทยไปถึง 1,948 คน และคาดว่าจะมีผู้พิการรายใหม่ถึง 1,423 คน โดยเฉพาะในปี 2553 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ยืนยันว่า ผู้เสียชีวิตมากกว่าครึ่งดื่มสุรา และ 1 ใน 4 ของจำนวนทั้งหมดนั้นเป็นเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี
“ข้อมูลจากศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) พบว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เกิดการบาดเจ็บในช่วงสงกรานต์มากกว่าช่วงปกติถึง 2.4 เท่า และยังส่งผลกระทบต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บต่างๆ ทั้งการจมน้ำ การพลัดตกหกล้ม รวมถึงการทะเลาะวิวาทและถูกทำร้ายร่างกายมากถึง 6.58 เท่า ที่สำคัญเยาวชนมีพฤติกรรมการดื่มหนักในช่วงเทศกาลสงกรานต์เพิ่มขึ้นถึง 1.8 เท่า” ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระบุ
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ สสส. ร่วมกับสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) จัดโครงการรณรงค์ “วัฒนธรรมสร้างสุข สงกรานต์ปลอดภัย สนุกสุขใจไร้แอลกอฮอล์” อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ได้ขยายไปถึง 60 พื้นที่ใน 44 จังหวัด และ 16 ถนนข้าวทั่วประเทศ
“จำนวนพื้นที่ที่เข้าร่วมในโครงการรณรงค์ที่เพิ่มขึ้นนั้น แสดงให้เห็นว่าเจ้าของพื้นที่หลายแห่งเริ่มหันมาให้ความสำคัญในเรื่องสงกรานต์ปลอดเหล้ามากขึ้น โดยเฉพาะในถนนตระกูลข้าวซึ่งในปีนี้มีถึง 16แห่งที่จะเป็นพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า ซึ่งการเปิดพื้นที่เพิ่มขึ้นนี้เชื่อว่าจะสามารถช่วยลดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ในช่วงเล่นน้ำสงกรานต์ได้มากขึ้นด้วย” วิษณุ ศรีทะวงศ์ ผู้จัดการกลุ่มงานทุนอุปถัมภ์เชิงรุกเพื่อทดแทนธุรกิจแอลกอฮอล์ด้านประเพณีวัฒนธรรม ระบุ
โดยในปีนี้นอกจากจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหลายพื้นที่จัดงานเทศกาลสงกรานต์แล้ว ยังได้มีการจัดตั้งสายสืบออนไลน์ซึ่งมีสมาชิกอยู่ถึง 2,000 คน ที่จะทำหน้าที่ในการรายงานข่าวเกี่ยวกับการกระทำความผิด พ.ร.บ.สุราผ่านสื่อออนไลน์อย่างเฟซบุ๊กใน 7 พื้นที่เฉพาะกิจ
“ในปีนี้เราเชื่อว่าจะสามารถเป็นหูเป็นตาช่วยเจ้าหน้าที่ในการตรวจจับผู้กระทำความผิด พ.ร.บ.สุราทั้งจำหน่ายในเวลาที่ห้ามจำหน่ายในรูปแบบแอบแฝง ทั้งรถขายของเคลื่อนที่ หรือแอบแฝงในรถขายของจำพวกอื่นๆ รวมทั้งการจำหน่ายให้กับเด็กและเยาวชนได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุในช่วงสงกรานต์ลดลงตามไปด้วย” ผู้จัดการกลุ่มงานทุนอุปถัมภ์เชิงรุกเพื่อทดแทนธุรกิจแอลกอฮอล์ด้านประเพณีวัฒนธรรม ระบุ
นอกจากการจัดโซนนิ่งแล้วยังมีการจัดการรณรงค์ในรูปแบบต่างๆ อาทิ การรณรงค์ห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าพื้นที่เล่นน้ำในถนนรอบคูเมือง จ.เชียงใหม่ โดยมีเด็กและเยาวชนระดับมัธยมศึกษาถึงระดับปริญญาตรีเป็นอาสาสมัครคอยสอดส่องดูแล ที่ถนนข้าวทิพย์ จ.จันทบุรี มีโครงการฝากเหล้าไว้กับตำรวจต่อเนื่องเป็นปีที่ 3รวมทั้งมีการติดตั้งกล้องทีวีวงจรปิดเพิ่มขึ้นอีกหลายจุด
ถนนข้าวเหนียว จ.ขอนแก่น มีกิจกรรมบันทึกสถิติโลกคลื่นมนุษย์ปลอดเหล้าที่ยาวที่สุดในโลก รวมทั้งมีเวทีที่สนุกและมันได้โดยไม่เมากว่า 10 เวทีตลอดทั้งวัน โดยมีหน่วยเฉพาะกิจปราบแอลกอฮอล์คอยดูแลสอดส่องพร้อมกล้องทีวีวงจรปิด ขณะที่หลายพื้นที่มีโครงการน้ำแลกเหล้า น้ำหวานแลกเหล้า และไอติมแลกเหล้า
ด้าน พรหมมินทร์ กัณทิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ สคอ. และภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันผลักดันให้เกิดพื้นที่ปลอดอุบัติเหตุและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมีมาตรการเสริมมากมาย
“เรามีการปรับบทบาทของหน่วยบริการที่จุดตรวจเมาไม่ขับทั่วประเทศ ผ่านศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) โดยเน้นการทำงานเชิงรุกเฝ้าระวังจุดเสี่ยงบนท้องถนน และระวังร้านค้าใกล้เคียงกับจุดตรวจเมาไม่ขับที่ลักลอบจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะการจำหน่ายให้กับเยาวชนอายุต่ำกว่า 20ปี”
นอกจากนี้จะมีการประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้จุดตรวจเมาไม่ขับทั่วประเทศกวดขันผู้ขับขี่อายุต่ำกว่า 20 ปี หากมีอาการมึนเมาให้ซักประวัติว่าซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากร้านหรือดื่มจากร้านใด เพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป
ตรวจสอบพื้นที่ “สงกรานต์ปลอดภัย สนุกสุขใจไร้แอลกอฮอล์” ได้ที่ www.stopdrink.com
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์