“แห่ผ้าขึ้นธาตุ” วิถีบุญใหญ่คนเมืองคอน…วันมาฆบูชา
“องค์พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช” ไม่เพียงแค่เป็นปูชนียสถานสำคัญสูงสุดของชาวเมืองนครศรีธรรมราชเท่านั้น สถานที่สำคัญแห่งนี้ หนึ่งในนั้นคือ “ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ” ซึ่งลูกหลานชาวเมืองคอนยังคงรักษาไว้มิให้สูญหายเพื่อรักษาไว้ซึ่งมรดกแห่งบรรพชน
งานแห่ผ้าขึ้นธาตุ เป็นประเพณีที่กลายเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่สำคัญประจำเมืองนครศรีธรรมราช โดยจะจัดขึ้นปีละ 2 หน คือในวันมาฆบูชาและวันวิสาขบูชา โดยชาวนครศรีธรรมราช จะร่วมแรงร่วมใจกันบริจาคทรัพย์สินเงินทองตามกำลังศรัทธาแล้วรวบรวมเงินจำนวนนั้นไปซื้อผ้าเป็นชิ้นๆ ซึ่งมักจะเป็นสีเหลือง สีขาว หรือสีแดง แล้วนำมาเย็บต่อกันเข้าเป็นแถบยาวนับเป็นพันๆ หลา
ขบวนแห่ผ้าพระบฏ จะมีขบวนประโคมต่างๆ ตามศิลปพื้นบ้านของชาวนครศรีธรรมราช เช่น ขบวนมโนราห์ หนังตะลุง ขบวนนารนีศรีธรรมราช เป็นต้น เมื่อถึงที่หมายจะแห่ทักษิณาวรรตรอบองค์ พระธาตุ 3 รอบ แล้วจึงนำเข้าสู่วิหารพระม้าหรือพระทรงม้า ซึ่งเป็นพระวิหารที่มีบันไดขึ้นสู่ภายในกำแพงแก้ว ล้อมฐานพระบรมธาตุ เพื่อนำผ้านั้นไปพันโอบรอบฐานองค์พระบรมธาตุเจดีย์
นายสุเทพ เกื้อสังข์ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานนครศรีธรรมราช บอกว่า ในปีนี้ถือเป็นฤกษ์ดีในการเริ่มนักษัตรใหม่ โดยการเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมบุญใหญ่ด้วยการ “แห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติที่เมืองนคร” ซึ่งประเพณีอันสำคัญนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งวิถีของการท่องเที่ยวเชิงพุทธ ที่น้อมนำเอาหลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือโอวาทปาฏิโมกข์แห่งมาฆมาส ละชั่วใฝ่ดี ทำจิตใจให้ขาว พร้อมเรียนรู้บุญทั้ง 8 ในงานแห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติที่เมืองนคร
บุญทั้ง 8 ในงานแห่ผ้าขึ้นธาตุ เริ่มด้วยบุญตามรอยธรรมที่เมืองนครกับ ท่านมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) บุญเรียนรู้บูชาผ้าพระบฏ บุญแห่งรักกับดาราพาธรรมกลับบ้านเกิด บุญสวดด้านโอ้เอ้วิหารราย บุญกวนข้าวมธุปายาสยาคู 12 กระทะ 12 นักษัตร/ราศี นำโดย อาจารย์คฑา ชินบัญชร บุญเครื่องพุทธบูชา กับพิธีพุทธาภิเษกผ้าพระบฏ บุญแห่ผ้าขึ้นธาตุสีสันแห่งศรัทธา บุญเวียนเทียน ร่วม 800 ปี โดยกิจกรรมจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 12-18 กุมภาพันธ์ 2554 ณ สวนศรีธรรมาโศกราชและวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร พร้อมทั้งชมการแสดงทางวัฒนธรรม 4 ชาติ 2 ฟากฝั่งแหลมทอง ศรีลังกา อินเดีย จีน ญี่ปุ่น เป็นต้น
สำหรับการจัดงานครั้งนี้ ททท. สำนักงานนครศรีธรรมราช ร่วมกับ เทศบาลนครนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช สวนสร้างสรรค์นาคร-บวรรัตน์ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ ร่วมพลิกฟื้นบรรยากาศเครื่องบูชาพระพุทธเจ้าของศาสนิกชนชาวโลกกับผ้าพระบฏ ในงานแห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติที่เมืองนคร โดยเชิญนานาประเทศ 12 ประเทศมาร่วมบูชาพระบรมธาตุเจดีย์
นอกจากจะเป็นงานมหาบุญกุศลแล้ว ผู้เข้าร่วมงานยังพบกิจกรรมมากมาย เช่น นิทรรศการงอกงามด้วยธรรม งดงามด้วยศิลป์ ของ 40 จิตรกรชั้นนำ นิทรรศการผ้าพระบฏนานาชาติ กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงพุทธ “นั่งรถชมเมือง เล่าเรื่องลิกอร์” กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เส้นทาง 2 พระ 3 เทพ /เส้นทาง 4 กาพาเที่ยว เป็นต้น
“ผ้าพระบฏเครื่องบูชาพระพุทธเจ้า”
นพ.บัญชา พงษ์พานิช กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการมูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ และกรรมการบริหารแผนงานสำนักเปิดรับทั่วไป สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า “ผ้าพระบฏ” เปรียบเสมือนหนึ่งในเครื่องบูชาพระพุทธเจ้าของชาวพุทธทั่วทั้งโลกมาเนิ่นนาน สมัยพุทธกาลในอินเดียมีตำนานการเขียนภาพว่า พระเจ้าอชาตศัตรูทูลขอพระพุทธฉายจากพระพุทธเจ้าเพื่อสักการบูชาแทนพระองค์
การสร้างพระบฏในประเทศไทย ปรากฏหลักฐานจารึกแต่ครั้งสุโขทัย ในศิลาจารึกวัดช้างล้อม (หลักที่ 106 หรือจารึกพนมไสดำ) ระบุปีพุทธศักราช 1827 ว่าพนมไสดำ สามีของแม่นมเทศผู้ใกล้ชิดของพระยาลิไท (พระมหาธรรมราชาที่ 1) ว่า “…มาตั้งกระทำหอพระไตรปิฎกธรรมสังวรใจบูชาพระอภิธรรม กับพระบฎจีนมาไว้ ได้ปลูกทั้งพระศรีมหาโพธิอันเป็นจอมบุญจอมศรียอ…พระบฎอันหนึ่ง ด้วยสูงได้ 14 ศอก กระทำให้บุญไปแก่สมเด็จพระมหาธรรมราชา กระทำพระหินอันหนึ่ง ให้บุญไปแก่มหาเทวี…”
ในตำนานพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช สันนิษฐานว่าแต่งในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ.2199-2231) ก็มีกล่าวไว้ว่า “…ครั้งนั้นยังมีผขาวอริยพงษ์อยู่เมืองหงษาวดี กับคน 100 หนึ่ง พาพระบฏไปถวายพระบาทในเมืองลงกา ต้องลมร้าย สำเภาแตกซัดขึ้นที่ปากพนัง พระบฎขึ้นที่ปากพนัง ชาวปากน้ำพาขึ้นมาถวาย สั่งให้เอาพระบฏกางไว้ที่ท้องพระโรง แลผขาวอริยพงษ์กับคน 10 คน ซัดขึ้นปากพูน เดินตามริมชเลมาถึงปากน้ำ พระญาน้อยชาวปากน้ำพาตัวมาเฝ้า ผขาวเห็นพระบฏ ผขาวก็ร้องไห้ พระญาก็ถามผขาวๆ ก็เล่าความแต่ต้นแรกมานั้น แลพระญาก็ให้แต่งสำเภาให้ผขาวไปเมืองหงษาวดี…” โดยที่ผ้าพระบฏนั้น เล่ากันว่าพญาศรีธรรมโศกราชผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราชในขณะนั้นให้นำขึ้นห่มสมโภชองค์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชจนกลายเป็นประเพณีแห่ผ้าขึ้นห่มพระบรมธาตุเมืองนครสืบมาจนถึงปัจจุบัน
ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก โดย สุพิชฌาย์ รัตนะ