แรงงานไทยเสี่ยงดับจากพฤติกรรมสุขภาพ! สสส.-สถาบันสิ่งทอ ผนึกกำลังขับเคลื่อน “Happy Workplace” ลดป่วย ลดตาย ยกระดับชีวิตคนทำงาน
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข
ภาพประกอบจาก สสส.
น่าห่วง! แรงงานไทยเผชิญสารพัดโรครุมเร้า ผู้ชายเสียชีวิตสูงกว่าผู้หญิง จากฆ่าตัวตาย 4.5 เท่า โรคหัวใจขาดเลือด 4.1 เท่า อุบัติเหตุจราจร 3.4 เท่า เหตุจากพฤติกรรมเสี่ยง สสส. สานพลัง สถาบันฯ สิ่งทอ หนุนสถานประกอบการใช้แนวคิด Happy workplace ยกระดับคุณภาพชีวิตคนทำงาน ได้ผลช่วยลดสูบบุหรี่ 37.8% ลดดื่ม 26.1% มีกิจกรรมทางกายเพิ่ม 14.9% พร้อมขยายแนวคิดองค์กรสุขภาวะครอบคลุมโรงงานในคลัสเตอร์อุตสาหกรรมสิ่งทอ แฟชั่น และไลฟ์สไตล์ 2,000 แห่ง
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในงานสัมมนา “ยกระดับสุขภาพ ยกระดับประสิทธิภาพ ลงทุนกับสุขภาพ เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน” จัดโดย สสส. และสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ว่า สาเหตุการเสียชีวิตของคนวัยทำงานอายุ 15-59 ปี ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงสุขภาพ เช่น ขับรถไม่สวมหมวกนิรภัย สูบบุหรี่ บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากข้อมูลการตาย ปี 2566 ของเว็บไซต์ www.hiso.or.th โดย สสส. ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข พบคนวัยทำงานเพศชายเสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือดมากกว่าเพศหญิง 4.1 เท่า จากอุบัติเหตุจราจรมากกว่า 3.4 เท่า โรคหลอดเลือดสมองมากกว่า 2.6 เท่า ที่น่าสนใจ พบว่าเพศชายมีอัตราการฆ่าตัวตายมากกว่าเพศหญิง 4.6 เท่า สะท้อนว่าเพศชายมีความเสี่ยงชีวิตสูงกว่าเพศหญิง สอดคล้องกับผลสำรวจประเด็นปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อสุขภาพของคนทำงานกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ แฟชั่น และไลฟ์สไตล์ ในสถานประกอบการ 20 แห่ง ปี 2566 พบคนวัยทำงานไม่มีความสุข ป่วยซึมเศร้า สุขภาพสังคมทำงานไม่ดี เป็นสาเหตุหลักการลาออกของคนทำงานโดยเฉลี่ย 5-10 % ต่อปี
“สสส. ร่วมกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ พัฒนาโครงการสร้าง พัฒนา ขยายผลองค์กรสุขภาวะ สู่ผลลัพธ์พฤติกรรมสุขภาพที่ดีอย่างยืน ในคลัสเตอร์สิ่งทอ แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ สนับสนุนการนำแนวคิดองค์กรสุขภาวะ (Happy workplace) ไปใช้ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี ลดความเสี่ยงการป่วยโรคไม่ติดต่อ (NCDs) และสุขภาพจิตของคนทำงานในอุตสาหกรรม มีสถานประกอบการเข้าร่วม 100 แห่งทั่วประเทศ ในจำนวนนี้ยกระดับเป็นองค์กรสุขภาวะต้นแบบ 34 แห่ง เกิดการขยายแนวคิดสร้างองค์กรสุขภาวะไปยังสถานประกอบการในอุตสาหกรรม 2,000 แห่ง เกิดเครือข่ายนักสร้างสุข 240 คน มีพนักงานได้รับประโยชน์ 3,400 คน พนักงานบริโภคบุหรี่ลดลง 37.8% ดื่มแอลกอฮอล์ลดลง 26.1% มีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น 14.9% สะท้อนให้เห็นว่าแนวคิด Happy workplace สามารถพัฒนาให้คนวัยทำงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ” ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว
ดร.ชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ กล่าวว่า รายงาน Champion Health Mental Health & Wellbeing ปี 2566 โดยเว็บไซต์ www.championhealth.co.uk พบว่า คนวัยทำงานในไทยได้รับการวินิจฉัยทางคลินิกว่ามีภาวะวิตกกังวล 60% มีภาวะเครียดระดับปานกลางถึงเครียดจัด สาเหตุจากบรรยากาศในที่ทำงานไม่ดีและภาระงานที่หนักเกินไป 76% เผชิญปัญหาป่วยซึมเศร้า 56% โดยผลสำรวจองค์กรในเครือข่ายอุตสาหกรรมสิ่งทอ แฟชั่น และไลฟ์สไตล์พบปัญหาเช่นเดียวกันนี้มากกว่า 50% ขององค์กรทั้งหมด หรือคิดเป็นว่า 1,000 องค์กร ทุกขนาด ทั้งองค์กรขนาดเล็ก กลางและใหญ่ จากสถานการณ์ดังกล่าว สถาบันฯ จึงร่วมกับ สสส. ส่งเสริมให้สถานประกอบการนำแนวคิด Happy workplace ไปใช้ในการพัฒนาบุคลากร และเครือข่ายในกลุ่มอุตสาหกรรม ให้มีองค์ความรู้ในการสร้างเสริมสุขภาวะ มีแนวทางการดำเนินงาน 3 ด้าน 1.ส่งเสริมให้สถานประกอบการกำหนดนโยบายสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กร 2.เกิดการพัฒนาและขยายเครือข่ายองค์กรสุขภาวะ 3.ศึกษาปัจจัยความสำเร็จสู่การเพิ่มขีดความสามารถส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ผลลัพธ์จากการนำแนวคิด Happy workplace ไปใช้ในสถานประกอบการ พบว่า เมื่อพนักงานสุขภาพดีขึ้น สถานประกอบการมีผลิตภาพ (Productivity) ในการทำงานได้เพิ่มขึ้นถึง 5%
นายบุญช่วย ประสิทธิ์สัมฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายขายและจัดซื้อ บริษัท ไทยประสิทธิ์เท็กซ์ไทล์ จำกัด หนึ่งในองค์กรสุขภาวะต้นแบบ กล่าวว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้พนักงานมีความสุข จึงนำแนวคิด Happy Workplace ของ สสส. มาใช้ในการสร้างสุขภาวะและคุณภาพชีวิตที่ดีให้พนักงาน โดยนำโปรแกรมสร้างสติในองค์กร (Mindfulness in Organization : MIO) มาช่วยให้พนักงานมีความสุขจากข้างใน มีภูมิคุ้มกันและสติในการใช้ชีวิต มีกิจกรรมสำคัญที่ดำเนินการ คือ ให้พนักงานทำสมาธิก่อนเริ่มงาน 5 นาที โดยบริษัทฯ ประกาศเป็นนโยบายให้การนั่งสมาธิเป็นส่วนของเวลางาน จัดทำหลักสูตรอบรมการฟังอย่างตั้งใจ การสัมผัสกายด้วยความนุ่มนวล รวมถึงส่งเสริมให้พนักงานมีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น ทั้งก่อนและหลังเลิกงาน โดยผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น พนักงานมีสติและสมาธิในการทำงานเพิ่มขึ้น ความขัดแย้งในองค์กรลดน้อยลง บรรยากาศการทำงานดีขึ้น และที่สำคัญ พนักงานมีพลังใจในการทำงานเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราการมาเข้างานสายของไลน์ผลิตน้อยลง