แบก’กระเป๋านักเรียน’หนักเสี่ยงโรคกระดูกสันหลังคดเอียง

ที่มา : เว็บไซต์มติชน

                  เชื่อหรือไม่ “กระเป๋านักเรียน” ก็มีความเสี่ยงทำให้เด็ก ๆ เกิดปัญหาสุขภาพได้

                  เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) บอกว่า กระเป๋าหนังสือของนักเรียนก็ถือว่ามีผล กระทบต่อกระดูกสันหลังของเด็ก บางครั้งเด็กที่ถือกระเป๋าแบบหิ้ว หรือแบบสะพายข้าง ถ้าหากกระเป๋าใบนั้นมีน้ำหนักมากเกินไป เด็กก็จะเอียงตัวไปข้างใดข้างหนึ่งเพื่อรับน้ำหนัก ทำให้เมื่อเอียงตัวไปข้างใดข้างหนึ่ง บุคลิกภาพก็จะเป็นท่านั้น ซึ่งส่งผลต่อกล้ามเนื้อที่จะพัฒนาไปในลักษณะข้างใดข้างหนึ่ง

                  นพ.ณัฐพงศ์ขยายความว่า คนเราโดยปกติ ถ้าใช้งานร่างกายข้างใดข้างหนึ่ง หรือซีกใดซีกหนึ่ง ร่างกายข้างนั้นก็จะทำงานหนักมากกว่าปกติ ซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย โดยเฉพาะกับร่างกายของเด็ก “โดยปกติ แนะนำให้เด็กนักเรียนไม่ควรแบกกระเป๋าที่มีน้ำหนักเกินร้อยละ 10-20 ของ น้ำหนักตัว เนื่องจากหากแบกกระเป๋านักเรียนที่มีน้ำหนักมาก อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อระบบโครงสร้างกล้ามเนื้อของร่างกาย เด็กจะมีอาการ ปวดบ่า ปวดต้นคอ ตลอดจนทำให้เป็นสาเหตุของการปวดหลังเรื้อรังได้ และยังเป็นผลให้มีลักษณะทางบุคลิกภาพที่ผิดปกติ เช่น หลังค่อม ไหล่หรือเชิงกรานดูไม่สมดุลกัน มีผลต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ของเด็ก จึงแนะนำผู้ปกครองควรสังเกตอาการโรคกระดูกคดเอียงเบื้องต้น เพื่อปรับแก้ปัญหา” นพ.ณัฐพงศ์กล่าว

                  ด้าน นพ.อดิศักดิ์ งามขจรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล (รพ.) เลิดสิน กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวนี้ ผู้ปกครองสามารถสังเกตได้จากการที่เห็นลำตัวของเด็กจะเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง หรือสังเกตพบว่า มีหัวไหล่ทั้งสองข้างหรือมีเชิงกรานไม่เท่ากัน หรือให้เด็กยืนเท้าชิดกัน และให้ก้มตัวมาทางด้านหน้าใช้มือ 2 ข้าง พยายามแตะพื้นจะเห็นความนูนของหลัง ไม่เท่ากัน หากกระเป๋ามีน้ำหนักเกิน หรือต้องแบกเป็นเวลานาน ควรเปลี่ยนจากกระเป๋าแขวนหลังเป็น กระเป๋าลาก เพื่อป้องกันการปวดหลัง จึงขอแนะนำให้ผู้ปกครองควรสังเกตอาการของเด็ก หากกระดูกสันหลังผิดรูป ไหล่สูงต่ำไม่เท่ากัน ควรพาเด็กไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง เพื่อทำการตรวจยืนยันและให้การรักษาที่ถูกต้องต่อไป

                  ขณะที่ นพ.ทินกร ปลื้มวิทยาภรณ์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการผ่าตัดกระดูกสันหลัง ประจำหน่วยผ่าตัดกระดูกสันหลัง สถาบันออร์โธปิดิกส์ รพ.เลิดสิน กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคกระดูกสันหลังคดเอียง เป็นการคดงอหรือบิดเบี้ยวของกระดูกสันหลังไปด้านข้าง ทำให้เสียสมดุล โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก เป็นกลุ่มเด็กที่มีภาวะกระดูกสันหลังคดเอียง ที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด พบได้บ่อยถึงร้อยละ 80 แบ่งตามอายุที่เริ่มแสดงลักษณะดังกล่าว คือ 0-3 ปี 4-10 ปี และ 11-18 ปี โดยภาวะนี้พบบ่อยในเด็กผู้หญิงมากกว่าเด็กผู้ชาย

                  นพ.ทินกรกล่าวว่า ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มภาวะกระดูกสันหลังคดเอียงที่ทราบสาเหตุ เกิดจากโรคทางระบบพันธุกรรม หรือกลุ่มโรคความผิดปกติทางระบบเส้นประสาทต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น โรคท้าวแสนปม ความผิดปกติของกล้ามเนื้อ โดยกลุ่มนี้จะทำให้มีภาวะกระดูกสันหลังคดเอียงมาก ทั้งนี้ การที่เด็กแบกกระเป๋าหนัก ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะกระดูก สันหลังคดเอียงโดยตรง แต่ทำให้เกิดปัญหาในส่วนของระบบเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ

                  “สำหรับการรักษาภาวะกระดูกสันหลังคดเอียงที่เกิดขึ้นนี้ สามารถแบ่งแนวทางการรักษาออกได้เป็น 3 ข้อหลักๆ ขึ้นอยู่กับมุมความคดเอียงของกระดูกสันหลังที่เกิดขึ้น แนวทางการรักษาภาวะนี้ มีตั้งแต่การติดตามสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด การสวมชุดอุปกรณ์ป้องกันการคดเอียง ตลอดจนการผ่าตัดแก้ไขภาวะดังกล่าว” นพ.ทินกรกล่าว ดังนั้น หากผู้ปกครองสังเกตพบความผิดปกติเกี่ยวกับความคดเอียงของกระดูกสันหลัง ควรรีบ นำเด็กไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทางทันที เพื่อวางแผนการรักษาได้อย่างถูกวิธี

Shares:
QR Code :
QR Code