แนะวิธีคนท้องคนชราขับรถ
ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้าออนไลน์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
แฟ้มภาพ
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะข้อควรปฏิบัติในการขับรถอย่างปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่ที่เป็นสตรีมีครรภ์และผู้สูงอายุ เน้นคาดเข็มขัดนิรภัย ไม่ขับรถเร็วเกินกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และไม่ขับรถระยะทางไกลหรือในช่วงที่การจราจรติดขัด
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สรีระและร่างกายที่เปลี่ยนแปลงของสุภาพสตรีในขณะตั้งครรภ์ ทำให้ขาดความคล่องตัวในการขับรถ หากประสบอุบัติเหตุ จะทำให้เกิดอันตรายต่อแม่และเด็กในครรภ์ได้ เพื่อความปลอดภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในผู้ขับขี่ที่เป็นสตรีมีครรภ์ ดังนี้
– ปรับที่นั่งให้เหมาะสม ไม่นั่งชิดพวงมาลัยหรือเอนเบาะไปด้านหลังมากเกินไป โดยปรับเบาะนั่งให้ห่างจากพวงมาลัยประมาณ 10-12 นิ้ว และอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นเส้นทางชัดเจน มือสามารถหมุนพวงมาลัย เท้าเหยียบเบรก และคันเร่งได้ถนัด
– คาดเข็มขัดนิรภัยอย่างถูกวิธี โดยแนวทแยงให้คาดผ่านร่องอกลงไปตามแนวโค้งของท้อง แนวนอนอยู่เหนือต้นขาและกระดูกเชิงกราน ห้ามคาดทับบริเวณหน้าท้องโดยตรง พร้อมใช้หมอนใบเล็กรองบริเวณหน้าท้องส่วนล่าง แล้วจึงคาดเข็มขัดนิรภัยทับ พร้อมปรับสายเข็มขัดนิรภัยให้กระชับ ไม่พลิกหรือบิดงอ จะช่วยลดแรงกดทับและการเสียดสีของเข็มขัดนิรภัยที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้
– ไม่ขับรถเร็วเกินกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้สามารถหยุดรถได้ทัน จึงช่วยลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ หลีกเลี่ยงการขับรถผ่านเส้นทางขรุขระ โดยเฉพาะช่วงเริ่มตั้งครรภ์และใกล้คลอด เพราะแรงกระแทกอาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแท้ง และเป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์ หลีกเลี่ยงการขับรถในระยะทางไกลติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรจอดรถพักเป็นระยะในบริเวณที่ปลอดภัย เพื่อปรับเปลี่ยนอิริยาบถและคลายความอ่อนล้าของร่างกาย ที่สำคัญสตรีมีครรภ์ที่มีอาการชาและเป็นตะคริวบ่อยครั้ง ครรภ์เป็นพิษ เจ็บครรภ์ใกล้คลอด ควรหลีกเลี่ยงการขับรถด้วยตนเอง เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการได้รับอันตราย
สำหรับข้อควรปฏิบัติในการขับรถของผู้สูงอายุ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ผู้สูงอายุมีสภาพร่างกายไม่แข็งแรง สายตาพร่ามัวและโรคประจำตัวบางโรค จึงส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับรถ โดยเฉพาะหากอาการของโรคกำเริบ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัยขอแนะข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในผู้ขับขี่ที่เป็นผู้สูงอายุ ดังนี้
– ก่อนขับรถปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสมรรถนะในการขับรถ ทั้งการมองเห็น กำลังกล้ามเนื้อ การทำงานของแขนและขา หากแพทย์ไม่อนุญาต ห้ามขับรถโดยเด็ดขาด นำยารักษาโรคและบัตรประจำตัวติดตัวไว้เสมอ พร้อมระบุอาการ วิธีการช่วยเหลือและสิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จะได้ช่วยเหลือทันท่วงที
– ขณะขับรถหลีกเลี่ยงการขับรถในช่วงที่ทัศนวิสัยไม่ดี อาทิ ช่วงเวลากลางคืน ฝนตกหนัก หมอกควันปกคลุมเส้นทาง เพราะสายตาไม่สามารถปรับสภาพให้มองเห็นเส้นทางได้อย่างชัดเจน จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
– ไม่ขับรถระยะทางไกลหรือในช่วงที่การจราจรติดขัด เพราะผู้สูงอายุจะมีอาการอ่อนเพลียได้ง่าย จึงส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับรถ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที ที่สำคัญผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวร้ายแรง อาทิ โรคหัวใจ โรคสมองเสื่อม โรคพาร์กินสัน โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคเบาหวานในระยะรุนแรง ไม่ควรขับรถด้วยตนเองอย่างเด็ดขาด เพราะจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัย ควรให้ผู้อื่นขับรถแทนหรือใช้บริการรถแท๊กซี่ รถโดยสารสาธารณะ