แนะประชาชนใช้ 5 เทคนิค “วิธีคิดแบบไม่เครียด”

ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์


แนะประชาชนใช้ 5 เทคนิค “วิธีคิดแบบไม่เครียด” thaihealth


แฟ้มภาพ


กรมสุขภาพจิต แนะประชาชนใช้ 5 เทคนิค “วิธีคิดแบบไม่เครียด” เตือน “5 อย่า”แก้ปัญหาผิดวิธี


          อธิบดีกรมสุขภาพจิต เผยปัญหาความเครียด หนักเบาอยู่ที่ความคิดของตัวเอง  แนะประชาชนใช้ 5 เทคนิควิธีคิดที่จะช่วยลดเครียดลดกังวล ได้แก่ คิดยึดหยุ่น คิดอย่างมีเหตุผล คิดหลายแง่มุม คิดเรื่องดีๆ และคิดถึงคนอื่น ขณะเดียวกันย้ำเตือนประชาชน อย่าใช้วิธีแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตที่ไม่ได้ผล แถมอาจทำปัญหาขยายวงบานปลายคือ อย่าใช้อารมณ์วู่วาม อย่าหนีปัญหา อย่าคิดแต่พึ่งคนอื่น อย่าลงโทษตัวเอง และอย่าโยนความผิดให้คนอื่น


          นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง  ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข  เปิดเผยว่า การใช้ชีวิตของประชาชนท่ามกลางสภาพสังคมเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน ล้วนต้องเผชิญกับความเครียดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งจากปัญหาการเงิน การงาน ปัญหาครอบครัว ปัญหาการเรียน ปัญหาสุขภาพ ปัญหารถติด ปัญหาความขัดแย้งระหว่างบุคคล ปัญหาจากภัยธรรมชาติ เป็นต้น ปัญหาที่กล่าวมาล้วนเป็นตัวการกระตุ้นให้คนเราเกิดความเครียดและเป็นเรื่องที่มีกันทุกคนที่มาของความเครียดมักจะไม่ได้มาจากสาเหตุเดียว  แต่มักจะเกิดจาก 2 สาเหตุประกอบกันคือมีปัญหาเป็นตัวกระตุ้น และมาจากการคิดประเมินสถานการณ์ของแต่ละคน ซึ่งจะเป็นตัวบ่งบอกว่าจะเครียดมากน้อย หนักเบา แค่ไหน ความคิดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คนเราเกิดความเครียด หากรู้จักการคิดให้เป็น ก็จะช่วยลดความเครียดลงไปได้มาก


          อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวต่อว่า  วิธีการคิดที่ไม่ทำให้เกิดความเครียดนั้น  ขอแนะนำให้ประชาชนยึดเทคนิคการคิด  5 ประการ ได้แก่ 1. คิดในแง่ยืดหยุ่นให้มากขึ้น  อย่าเข้มงวด จับผิด หรือตัดสินผิดถูกตัวเองและคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ให้ละวาง ผ่อนหนักผ่อนเบา ลดทิฐิมานะ รู้จักให้อภัยไม่ถือโทษโกรธเคือง   2.คิดอย่างมีเหตุผล อย่าด่วนเชื่ออะไรง่ายๆพยายามใช้เหตุผลตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ไตร่ตรองให้รอบคอบ นอกจากจะทำให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อให้ใครหลอกได้ง่ายแล้ว การคิดแบบนี้ยังช่วยตัดความกังวลลงได้ด้วย 3. คิดหลายๆแง่มุม หลายๆด้านทั้งด้านดีและด้านไม่ดีควบคู่กัน  อย่ามองเพียงด้านเดียวให้ใจเป็นทุกข์  และควรคิดถึงจิตใจและความรู้สึกของคนอื่นด้วย     จะช่วยให้เรามองอะไรได้กว้างไกลกว่าเดิม  4. ให้คิดแต่เรื่องดีๆให้มากขึ้น เช่นคิดถึงประสบการณ์ในอดีตที่เป็นสุข หรือความสำเร็จในชีวิตที่ผ่านมา หรือความมีน้ำใจของเพื่อน  จะช่วยให้เราสบายใจขึ้น   หากคิดแต่เรื่องร้ายๆ เรื่องความล้มเหลว ผิดหวังหรือเรื่องที่ไม่เป็นสุข  จะยิ่งทำให้เครียดมากขึ้น และ 5.ให้คิดถึงคนอื่นบ้าง  อย่าหมกมุ่นอยู่กับตัวเองให้สนใจปัญหาของผู้คนในสังคมบ้าง


          “ บางทีอาจพบว่าปัญหาที่เรากำลังเครียดอยู่มีขนาดเล็กน้อยกว่าคนอื่น  จะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น และหากได้มีโอกาสช่วยเหลือคนอื่นได้ด้วย  จะเป็นผลดีทำให้มีความสุขใจเกิดขึ้นเป็นทวีคูณ เมื่อเราสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ความเครียดก็จะหมดไป ” อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าว


          อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวต่อไปว่า วิธีที่จะช่วยให้เราสามารถแก้ไขปัญหาได้ดีและรวดเร็ว  ขอแนะนำให้ประชาชนละเว้นการแก้ปัญหาต่างๆ 5 แบบที่ผิดวิธี  ซึ่งนอกจากจะไม่ก่อให้เกิดผลดีแล้ว อาจทำให้เรื่องบานปลายได้  ดังนี้  1.อย่าแก้ปัญหาแบบวู่วาม ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ เมื่อเจอปัญหา ให้พยายามสงบสติอารมณ์ สูดหายใจเข้าช้าๆลึกๆสัก 4-5 ครั้งหรือนับ 1-10 ก่อนจะตอบโต้อะไรออกไป 2.อย่าหนีปัญหา ขอให้กล้าเผชิญปัญหาและอย่าผัดวันประกันพรุ่ง ให้รีบแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ  อย่าปล่อยให้ปัญหาค้างคา เพราะเท่ากับเป็นการสะสมความเครียดมากขึ้น  3. อย่าคิดแต่จะพึ่งพาแต่คนอื่นตลอดไป ให้ถือคติตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ให้ใช้ความสามารถตัวเอง คิดแก้ปัญหาหลายๆวิธี  ความสำเร็จจะสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง  หากคิดไม่ออกหรือยังไม่ได้ผล อาจปรึกษาผู้ใกล้ชิด หรือผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า  4. อย่าเอาแต่ลงโทษตัวเอง  การโทษตัวเองเป็นการอมความทุกข์ใจไว้  ควรให้ให้โอกาสตัวเองที่จะแก้ไขข้อผิดพลาด เพื่อไม่ทำผิดเรื่องเดิมซ้ำอีก   และ 5. อย่าโยนความผิดให้คนอื่น  เพราะจะก่อให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น


 


 

Shares:
QR Code :
QR Code