แนะกำจัดเชื้อราหลังน้ำท่วม
ที่มา : ข่าวสด
แฟ้มภาพ
แพทย์แนะเชื้อราที่ตายแล้วอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ได้ หากเป็นผ้าต้องฆ่าเชื้อด้วยการต้มด้วยน้ำร้อนก่อนจึงจะนำมาใช้อีก รีบทำความสะอาดพื้นและผนังโดยการขัดล้างให้เร็วที่สุดภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังน้ำลด ระหว่างทำความสะอาดให้เปิดประตูหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในสิ่งแวดล้อมมีเชื้อราลอยอยู่ในอากาศทั่วไป ซึ่งมีทั้งชนิดก่อให้เกิดโรคและไม่ก่อให้เกิดโรค เชื้อราบางชนิดอาจทำให้เกิดโรคได้ถ้าร่างกายอ่อนแอ อย่างไรก็ตามคนที่มีภูมิต้านทานปกติระบบร่างกายจะมีกลไกภูมิคุ้มกัน เช่น ระบบทางเดินหายใจ เมื่อหายใจเข้าไปจะมีขนจมูกช่วยกรองจึงสามารถลดเชื้อต่างๆ ได้แต่ในคนที่มีอาการภูมิแพ้อาจจะมีน้ำมูกไหล หายใจไม่ออก น้ำตาไหล หอบหืด มีผื่นผิวหนังอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงการสูดดมสปอร์ของเชื้อราโดยใช้ผ้าปิดปากหรือจมูก ส่วนมากเชื้อราเหล่านี้จะก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ทั้งทางระบบหายใจและผิวหนัง ซึ่งจะเกิดเฉพาะคนที่แพ้เท่านั้นไม่เกิดกับคนทั่วไป จึงไม่ควรกังวลเกินไป
พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวเพิ่มเติมว่า การสำรวจเชื้อราหลังน้ำท่วมอาจทำได้ 2 วิธีคือ วิธีดูด้วยตา เช่น พบเห็นผนังมีรอยเปื้อน หรือมีลักษณะเชื้อราขึ้น และวิธีดมกลิ่น กลิ่นเชื้อราเป็นกลิ่นเหม็นอับทึบ หรือเหม็นคล้ายกลิ่นดิน ทั้งนี้หากสงสัยว่ามีเชื้อรา ควรให้ใช้หลักว่าสิ่งของใดที่ไม่สามารถกำจัดเชื้อราได้หมดจดให้ทิ้ง โดยเฉพาะวัสดุที่มีรูพรุนซึ่งไม่สามารถชะล้างและทำให้แห้งได้ จะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อรา
นอกจากนี้ เชื้อราที่ตายแล้วอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ได้ หากเป็นผ้าต้องฆ่าเชื้อด้วยการต้มด้วยน้ำร้อนก่อนจึงจะนำมาใช้อีก รีบทำความสะอาดพื้นและผนังโดยการขัดล้างให้เร็วที่สุดภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังน้ำลด ระหว่างทำความสะอาดให้เปิดประตูหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ เริ่มแรกควรล้างด้วยน้ำและสบู่หรือผงซักฟอกเพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกก่อนแล้วตามด้วยการขัดล้างด้วยน้ำยา ถ้าเป็นการขัดผนังปูนหรือพื้นผิวที่หยาบควรขัดด้วยแปรงชนิดแข็ง โดยใช้ผงฟอกขาวในปริมาณ 1 ถ้วยตวง ผสมกับน้ำ 1 แกลลอน ซึ่งผู้ทำความสะอาดต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกายได้แก่ รองเท้าบู๊ตยาง ถุงมือยางสำหรับทำงานบ้าน แว่นป้องกันตา หน้ากากอนามัย เมื่อขัดล้างเสร็จแล้วควรทิ้งไว้ให้แห้ง หรืออาจใช้ไฟสปอตไลต์ส่องเพื่อช่วยให้แห้งเร็วขึ้น