เอ็นจีโอหนุนตั้งศูนย์ช่วยเหลือสังคม
เอ็นจีโอ ชงนโยบายรัฐ หนุนตั้งศูนย์ช่วยเหลือสังคม สร้างเครือข่ายกระจายลงพื้นที่เอกชนและองค์กรท้องถิ่น
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ที่โรงแรมพาลาซโซ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเวทีประชุมวิชาการ “การนำเสนอบทเรียนการทำงานและจัดทำแนวทางข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” ทั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย กลุ่มสหวิชาชีพ นักสังคมสงเคราะห์ พยาบาล ทนายความ ตำรวจ เครือข่ายชุมชน ทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล กว่า 60 คน
นางสาวสุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลกำหนดให้มีการบูรณาการ การดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความช่วยเหลือเด็กสตรี ภายใต้ชื่อ “oscc (one stop crisis center) ศูนย์ช่วยเหลือสังคม” ทั้งนี้จากการทำงานขององค์กรสตรี นักสังคมสงเคราะห์ พยาบาล ทนายความ ตำรวจ กลุ่มสหวิชาชีพ เครือข่ายชุมชน ต่างเห็นตรงกันว่า ปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและครอบครัว ยังมีแนวโน้มที่น่าเป็นห่วง และจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีนโยบายที่ชัดเจนเพื่อเข้ามาหนุนเสริมระบบ oscc
“โดยองค์กรสตรีมีข้อเสนอต่อภาครัฐ เพื่อนำไปพิจารณา ดังนี้ 1. สนับสนุนการจัดทำระบบคู่มือ ทำเนียบเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเผยแพร่นโยบายoscc สู่กลไกปฏิบัติภาครัฐภาคเอกชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2. จัดทำโครงสร้างการบริหารจัดการ เช่น มีงบประมาณช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาที่เข้าข่ายoscc และมีคณะทำงานหรือคณะกรรมการทำหน้าที่ต่อเนื่องและประเมินผล”
นางสาวสุเพ็ญศรีกล่าวต่อว่า ข้อ 3. จัดประชุมทีมสหวิชาชีพทุกจังหวัดด้านการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบนำไปสู่การส่งต่ออย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยการสนับสนุนงบประมาณจากกระทรวง พม. 4. สนับสนุนหน่วยงานภาคเอกชนและเครือข่ายชุมชนเข้าร่วมทำงานช่วยเหลือและป้องกันปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ทั้งนี้ต้องมีการติดตามบังคับใช้กฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนและเป็นผู้กระทำความรุนแรงต่อเด็ก ผู้หญิงและครอบครัว เพื่อป้องกันไม่ให้กระทำความรุนแรงซ้ำ เพื่อลดจำนวนปัญหาที่เกิดขึ้น และ 5. พัฒนาศักยภาพบ้านพักเด็กและครอบครัว โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง ต้องมีความสามารถดำเนินงานด้านนี้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ในกรณีที่เกิดความรุนแรงในครอบครัว และอาจเป็นอันตรายแก่บุคคลในครอบครัว กระทรวง พม.ควรสนับสนุนให้ผู้ถูกกระทำดำเนินการยื่นคำร้องฉุกเฉินต่อศาลเยาวชนและครอบครัวในท้องที่ที่มีการกระทำความรุนแรงเกิดขึ้น ศาลอาจมีคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพ เพื่อนำไปสู่การระงับเหตุได้ทันท่วงที ขณะเดียวกันบ้านพักเด็กและครอบครัว ต้องให้การสนับสนุนคุ้มครองผู้ถูกกระทำอย่างเร่งด่วน” นางสาวสุเพ็ญศรีกล่าว
ที่มา : เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์