เสียงสะท้อน..ชีวิตเฉียดตาย”เหยื่อหวัด09″
ผวา หวาดกลัว ระบาดระลอก2
แม้ว่าการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะเป็นช่วงขาลง มียอดตัวเลขผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์การระบาดยังผันแปรอยู่ และมีโอกาสกลับมาแพร่ระบาดระลอก 2 ตลอดเวลาในช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้…จากรายงานการแพร่ระบาดไข้หวัด 2009 ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 7 ราย และยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ 28/4/52-19/9/52 มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 160 ราย ทำให้ประเทศไทยครองอันดับ 1 ของผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 มากที่สุดในเอเชียไปแล้ว
แต่สำหรับกลุ่มคนที่เคยป่วยติดเชื้อไข้หวัด 2009 คงยากที่จะลืมและเป็นแผลลึกในใจ หลอนอยู่ตลอดเวลา “สกู๊ปแนวหน้า” มีโอกาสคุยกับผู้ที่เคยติดเชื้อไข้หวัด 2009 และถ่ายทอดเรื่องราว”วินาทีชีวิตเฉียดตาย” ในช่วงสถานการณ์ย่ำแย่ ตายรายวัน และวันละหลายราย
นายวิเชียญ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ชาว จ.ราชบุรี เป็นอีกคนที่ “เฉียดตาย”กับการติดเชื้อป่วยไข้หวัด 2009 เล่าให้ฟังว่า ผมมีอาชีพขับรถบรรทุกรับจ้างทั่วไป เดินทางไปทุกจังหวัดที่มีบริษัทจ้างให้ขนส่งสินค้า ในช่วงไข้หวัด 2009 ระบาดรุนแรง และเริ่มมีคนเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผมและครอบครัวไม่สนใจอะไรกับเหตุการณ์การแพร่ระบาด ประกอบข่าวสารการรณรงค์ ให้ข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่มาก ชาวบ้านในหมู่บ้านก็ไม่มีใครรู้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการป้องกันเท่าที่ควร ทุกคนจึงทำแต่งานเลี้ยงครอบครัว จนพื้นที่ จ.ราชบุรี เริ่มมีคนติดเชื้อไข้หวัด2009 และมีผู้เสียชีวิต ชาวบ้านเริ่มเกิดความกลัวขึ้น
หลังจากนั้นผมจึงปวดเป็นไข้หวัด 2009 ในช่วงแรกยังไม่ทราบว่าติดเชื้อไข้หวัด 2009 คิดเพียงว่าเป็นไข้หวัดตามฤดูกาลธรรมดา เนื่องจากอาการคล้ายกันกับอาการของคนที่เป็นหวัดปกติ จึงได้แต่ซื้อยารับประทานเอง ซึ่งกินยามาประมาณ 1 สัปดาห์ อาการไข้หวัดกลับไม่ดีขึ้น และเริ่มมีไข้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท้องเสีย เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดศีรษะ หนาว และไม่มีเรี่ยวแรง อ่อนล้า ภรรยาจึงพาเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลราชบุรี แพทย์ทำการตรวจและให้เข้าห้องพักรักษาเฉพาะคนป่วยไข้หวัด 2009 ซึ่งไม่คาดคิดและคาดฝันว่าจะติดเชื้อ เนื่องจากร่างกายแข็งแรงดี
นายวิเชียญ เล่าอีกว่า ในช่วงที่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล มีความคิดกังวลต่างๆ นานา ในตอนนั้นคิดว่า คงไม่รอดต้องเสียชีวิตแน่นอน ประกอบกับข่าวสารจำนวนของผู้ติดเชื้อเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคงไม่เห็นหน้าลูก-เมียอีก แพทย์ได้ให้ยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่อง จนอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากไม่มีโรคประจำตัว ขณะที่นอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลราชบุรี จะสั่งห้ามลูกสาว 2 คน ที่มีอายุ 2 ขวบ และ 1 ขวบกว่า เข้ามาเยี่ยมเด็ดขาด เพราะเกรงว่าลูกจะติดเชื้อไข้หวัด 2009 ไปด้วย จนอาการดีขึ้น แพทย์จึงอนุญาตให้กับบ้าน ขณะนั้นผมรู้สึกดีใจที่รอดชีวิตเหมือนกับยกภูเขาออกจากอก และรู้สึกดีใจที่ได้เจอลูก และครอบครัวอีกครั้ง
“ผมเคยติดเชื้อไข้หวัด 2009 รู้ดีว่ามันอันตรายแค่ไหน แม้รัฐบาลบอกว่าโรคนี้รักษาได้ แต่หากรักษาช้าอาจจะเสียชีวิตได้ สิ่งที่เป็นห่วงคือการระบาดระลอก 2 ที่คาดว่าจะระบาดหนักกว่าเดิม และอาจจะกลายพันธุ์รุนแรงมากขึ้น จึงห่วงไม่ต้องการให้ใครป่วยจากไข้หวัดนี้”นายวิเชียญ กล่าว
ด้านนางวันดี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ชาวบ้าน อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี มารดาของ “น้องโม่งโม๊ง” อายุ 4 ขวบ ที่เคยติดเชื้อไข้หวัด 2009 กล่าวว่า “น้องโม่งโม๊ง” ติดเชื้อไข้หวัด 2009 จากเพื่อนในห้องเรียนเดียวกัน ขณะนั้นไม่ทราบว่าติดไข้หวัด 2009 เนื่องจากทางโรงเรียนปิดเป็นความลับไม่แจ้งให้ผู้ปกครองทราบว่า ในโรงเรียนมีคนติดเชื้อไข้หวัด 2009 จนน้องโม่งโม๊ง ป่วยมีไข้สูง ยิ่งกินยาอาการยิ่งไม่ดี จึงได้พาไปโรงพยาบาลบ้านโป่ง แพทย์ ทำการตรวจ และให้ยามารับประทานที่บ้าน พร้อมบอกว่า หากภายใน 2 วัน อาการยังไม่ดีขึ้น ให้พาน้องโม่งโม๊ง กลับมาตรวจเลือด เพื่อหาเชื้อไข้หวัด 2009 ในช่วงนั้นเริ่มใจไม่ดีทันที เมื่อพาน้องโม่งโม๊ง กลับบ้านรักษาตัว ยิ่งมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยเนื้อตัว อ่อนเพลีย เจ็บคอ ไอ คัดจมูก น้ำมูกไหล
หลังจากพาน้องโม่งโม๊งกลับมาโรงพยาบาลบ้านโป่ง อีกครั้ง แพทย์ทำการเจาะเลือดตรวจ พบว่า ติดเชื้อไข้หวัด 2009 จึงนำตัวรักษาที่ห้องเฉพาะผู้ที่ติดเชื้อไข้หวัด 2009 ทำให้ฉันยิ่งวิตกเป็นห่วงมากขึ้น เนื่องจากเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว ประกอบกับมีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องถึงผู้ที่ติดเชื้อเสียชีวิต จนฉันทำอะไรไม่ถูก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ด้วยความเป็นห่วงลูก หลังจากนั้นทางโรงเรียนค่อยโทรศัพท์มาแจ้งว่า ที่โรงเรียนมีนักเรียนติดเชื้อไข้หวัด 2009 จึงรู้ว่าน้องโม่งโม๊ง ติดเชื้อมาจากโรงเรียน แพทย์ได้ให้ยาต้านไวรัส จนอาการดีขึ้น และอนุญาตให้กลับบ้านได้
“แม้ว่าลูกชายจะหายดีเป็นปกติ แต่ฉันก็ยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลา และข่าวกระทรวงสาธารณสุข คาดว่าไข้หวัด 2009 จะระบาดระลอก 2 ในช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้ และเกรงว่าอาจจะมีเพื่อนในห้องเรียนรับเชื้อไข้หวัด 2009 มาจากที่อื่น และนำมาแพร่เชื้อในโรงเรียนอีก จึงพยายามให้ลูกชายใช้หน้ากากอนามัยปิดจมูกตลอดเวลา และห้ามกินข้าวร่วมกับคนอื่น”นางวันดี กล่าว
ขณะที่ นพ.มงคล ณ สงขลา ประธานอนุกรรมการสนับสนุนการป้องกัน ควบคุม และแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ H1N1 2009 สสส. กล่าวว่า โรคไข้หวัด 2009 เป็นโรคติดต่อได้ง่าย แต่สามารถป้องกันได้หากปฏิบัติตนได้ดี แม้ว่าปัจจุบันมีแนวโน้มการเกิดโรคลดลง แต่โอกาสที่จะเกิดการระบาดซ้ำรอบที่ 2 ได้ จึงต้องมีการประชุม ร่วมมือทุกภาคส่วน โดยเฉพาะหน่วยงานบริหารส่วนท้องถิ่น เพื่อนำประสบการณ์การดำเนินการของแต่ละแห่งมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เป็นการเพิ่มพูนความรู้ ทำให้เกิดแนวทางในการป้องกันและควบคุมโรคในอนาคต
การมีส่วนร่วมของคนในชุมชนท้องถิ่นถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การแก้ปัญหาการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ประสบความสำเร็จ จากประสบการณ์ของจ.ราชบุรี ที่เคยมีผู้ป่วยเสียชีวิตเป็นจำนวนมากทำให้มีพื้นฐานการเรียนรู้และร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง จะเห็นได้ว่าการที่ผู้นำท้องถิ่นมีความพร้อมในด้านองค์ความรู้ ประกอบกับมีความตั้งใจในการทำงาน ย่อมทำให้การแก้ไขปัญหาบรรลุผล ซึ่งนอกเหนือจากการทำงานในพื้นที่ของตนเองแล้วยังสามารถนำองค์ความรู้ไปช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งในการแก้ไขและเฝ้าระวังปัญหาให้กับท้องถิ่นอื่นได้อีกด้วย
ทั้งนี้ยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 สำหรับจังหวัดราชบุรีได้ใช้มาตรการ 2 ลด 3 เร่ง เป็นยุทธศาสตร์รับ-รุกไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งมาตรการ 2 ลด ประกอบด้วย 1. ลดการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด และ 2.ลดการติดเชื้อและการป่วยให้ได้มากที่สุด ส่วนมาตรการ 3 เร่ง ได้แก่ 1. เร่งให้อาสาสมัครสาธารณสุข(อสม.)ออกเยี่ยมให้คำแนะนำประชาชน 2. เร่งเผยแพร่ความรู้สื่อสารแก่ประชาชน และ 3.เร่งการบริหารจัดการจากส่วนกลางสู่ส่วนภูมิภาค นอกจากนี้ยังมีมาตรการด้านลดการป่วยและเสียชีวิตโดยจัดการคัดกรองผู้ป่วยในสถานประกอบการ เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งขอความร่วมมือจากหน่วยงานและผู้ประกอบการให้เลื่อนการจัดงานในที่สาธารณะเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค
ด้าน นพ.บุญเรียง ชูชัยแสงรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า ด้านบุคลากรทางการแพทย์ของทางจังหวัดราชบุรี ในขณะนี้ยังคงพบปัญหาในเรื่องของความรวดเร็วในการสื่อสารข้อมูล และสถานการณ์ของโรคกับแพทย์ เนื่องจากส่วนใหญ่แพทย์จะใช้เวลาปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามโรงพยาบาลและคลินิก ทำให้ขาดการรับรู้และเชื่อมโยงข้อมูลด้านการรักษาและการเฝ้าระวังโรคที่เป็นปัจจุบันและทันต่อสถานการณ์
ในขณะนี้ได้แก้ปัญหาดังกล่าวด้วยวิธีส่งข่าวสารผ่านข้อความสั้น หรือ SMS ผ่านทางโทรศัพท์มือถือของแพทย์ โดยเริ่มนำร่องจากแพทย์ในจังหวัดราชบุรีจำนวน 400 คน และกำลังขยายเพิ่มเติมไปยังกลุ่มของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งคาดว่าภายในปี 2553 จะสามารถขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมแพทย์ได้อย่างน้อย 3 หมื่นคน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการรักษาที่เป็นประโยชน์และการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่เพื่อรับมือกับสถานการณ์การระบาดของโรคได้อย่างทันท่วงที
นั้นเป็นเสียงสะท้อนเรื่องราวของผู้ที่เคยติดเชื้อไข้หวัด 2009 และความพยายามของ สสส. ร่วมกับ สปสช. รวมทั้งรัฐบาล กระตุ้นองค์การส่วนปกครองท้องถิ่น มีส่วนร่วมในการป้องกันหวัด2009 อย่างยั่งยืน เป็นแผนรองรับที่อาจจะมีการระบาดในครั้งใหม่ โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ต่างมีแผนมาตรการต่างๆ ในการรองรับอย่างเต็มที่ที่ทุกคนต้องติดตาม…
ที่มา/ภาพ: หนังสือพิมพ์แนวหน้า
Update: 28-09-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: อัญณิกา กฤษสมัย