เสริมพลังชุมชน ลดปัญหาโรคขาดสารไอโอดีน
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ขับเคลื่อนการดำเนินงานชุมชน/หมู่บ้านไอโอดีน ภายใต้ 7 ยุทธศาสตร์ ล่าสุดมีเข้าร่วมกระบวนการพัฒนาเป็นชุมชน/หมู่บ้านไอโอดีน จำนวน 77,945 แห่ง ผ่านเกณฑ์ประเมินแล้ว 48,482 แห่ง นำทีมสื่อมวลชนลงพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ติดตามการขับเคลื่อนชุมชน/หมู่บ้านไอโอดีน ส่งเสริมเกลือเสริมไอโอดีนครอบคลุม ทุกหมู่บ้าน พร้อมณรงค์ให้หญิงตั้งครรภ์ฝากครรภ์เร็วและได้รับยาเม็ดเสริมไอโอดีนทุกครั้ง
ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยในการนำสื่อมวลชนเยี่ยมชมการดำเนินงานขับเคลื่อนชุมชน/หมู่บ้านไอโอดีน ณ องค์การบริหารส่วนตำบลวังจันทร์ อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรีว่า การขับเคลื่อนงานเพื่อลดปัญหาโรคขาดสารไอโอดีนถือเป็นภารกิจหลักของกรมอนามัย และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมมือกันอย่างบูรณาการเพื่อลดปัญหาดังกล่าว และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของประชากรทุกกลุ่มวัยเน้นหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร เด็กปฐมวัย ผู้สูงอายุ ผู้ประกอบการเกลือเสริมไอโอดีน องค์การบริหารส่วนตำบล แกนนำชุมชน/หมู่บ้าน ภายใต้ 7 ยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่ 1)การขับเคลื่อนในระดับนโยบายเพื่อให้การดำเนินงานทุกยุทธศาสตร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 2) เกลือเสริมไอโอดีนถ้วนหน้าและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง 3) ระบบเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ใน กลุ่มเสี่ยง 4) สร้างความเข้มแข็งภาคีเครือข่าย 5) ประชาสัมพันธ์ รณรงค์ 6) ศึกษา วิจัย และ 7) มาตรการเสริม ซึ่งที่ผ่านมากรมอนามัยได้มีการขับเคลื่อนการดำเนินงานชุมชน/หมู่บ้านไอโอดีน ซึ่งผลจากการดำเนินงานมีชุมชน/หมู่บ้านที่เข้าร่วมกระบวนการพัฒนาเป็นชุมชน/หมู่บ้านไอโอดีน จำนวน 77,945 แห่ง ล่าสุดผ่านเกณฑ์ประเมินแล้ว 48,482 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 62.2 ทั่วประเทศ
ดร.นพ.พรเทพ กล่าวต่อไปว่า ด้านการบริหารจัดการเกลือเสริมไอโอดีน ผลการสุ่มตรวจการใช้เกลือบริโภคเสริมไอโอดีนในครัวเรือนในปี 2557 ทั่วประเทศ พบเกลือเสริมไอโอดีนที่ได้มาตรฐาน มีไอโอดีนระหว่าง 20 – 40 ppm. ร้อยละ 80.3 และที่มีไอโอดีนมากกว่า 20 ppm. ร้อยละ 94.7 ซี่งจากข้อมูลของศูนย์อนามัยที่ 4 ราชบุรี รับผิดชอบพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี พบเกลือเสริมไอโอดีนที่ได้มาตรฐาน ร้อยละ 76.2 และที่มีไอโอดีนมากกว่า 20 ppm. ร้อยละ 95.9 โดยในส่วนของจังหวัดเพชรบุรีพบเกลือเสริมไอโอดีนที่ได้มาตรฐาน ร้อยละ 83.2 และที่มีไอโอดีนมากกว่า 20 ppm. ร้อยละ 96.8
"สำหรับหญิงตั้งครรภ์การได้รับไอโอดีนจากอาหารอาจไม่เพียงพอจึงจำเป็นต้องกินยาเม็ดเสริมไอโอดีนทุกวัน วันละ 1 เม็ด ตลอดการตั้งครรภ์ และหลังคลอดให้นมบุตร 6 เดือน ซึ่งภาครัฐมีนโยบายจ่ายยาเม็ดเสริมไอโอดีนให้แก่ หญิงตั้งครรภ์ทุกรายที่มาฝากครรภ์ในสถานบริการของรัฐและเอกชนทุกแห่ง ซึ่งผลการติดตามการได้รับยาเม็ดเสริมไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์ ตั้งแต่มกราคม – เมษายน 2558 พบว่า หญิงตั้งครรภ์มาฝากครรภ์และได้รับยาเม็ด จำนวน 32,565 คน จาก 60 จังหวัดโดยศูนย์อนามัย 10 แห่ง เป็นหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับยาและกินยาเม็ดเสริมไอโอดีน จำนวน 30,173 คน คิดเป็นร้อยละ 94.6 ส่วนหญิงตั้งครรภ์ได้รับและกินยาเม็ดเสริมไอโอดีนทุกวัน คิดเป็นร้อยละ 83.6” ดร.นพ.พรเทพ กล่าว
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวต่อว่า เนื่องจากปัญหาการขาดสารไอโอดีนเป็นปัญหาสำคัญ จึงต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการดำเนินงานนับจากนี้ กรมอนามัยได้กำหนดแนวทางให้หญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอดบุตร 6เดือน ทุกคน คิดเป็นร้อยละ 100 ได้รับยาเม็ดเสริมไอโอดีน และมีการขับเคลื่อนให้เกิดชุมชน/หมู่บ้านไอโอดีนครอบคลุมทุกหมู่บ้าน รวมทั้งเพิ่มความครอบคลุมของการใช้เกลือเสริมไอโอดีนในระดับครัวเรือนจนได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2559 ส่วนการดำเนินงานในระยะยาวนั้น กรมอนามัยยังคงมีเป้าหมายการดำเนินงานด้วยการส่งเสริมสนับสนุนให้หญิงตั้งครรภ์และ หญิงหลังคลอดบุตร 6 เดือน ทุกคน หรือร้อยละ 100 ได้รับยาเม็ดเสริมไอโอดีนและกินติดต่ออย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งส่งเสริมให้ทุกชุมชน/หมู่บ้านเป็นชุมชน/หมู่บ้านไอโอดีนอย่างยั่งยืนต่อไป
ทางด้าน นายแพทย์ประจักษ์ วัฒนะกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า การดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนหมู่บ้านไอโอดีนของจังหวัดเพชรบุรีนั้น ทางจังหวัดได้กำหนดนโยบายสาธารณะให้ทุกชุมชน/หมู่บ้านเป็นชุมชนหมู่บ้านไอโอดีน 100 เปอร์เซ็นต์ มีการแต่งตั้งและประชุมคณะกรรมการเพื่อกำหนดนโยบายและแผนงานป้องกันควบคุมโรคขาดสารไอโอดีน แต่งตั้ง อสม. ทุกคนเป็นทูตไอโอดีน เพื่อเป็นผู้ให้ความรู้เรื่องการป้องกันควบคุมโรคขาดสารไอโอดีนแก่ครัวเรือนในละแวกบ้าน โดยให้ อสม. 1 คน ต่อ 10 ครัวเรือน อบรมให้ความรู้เรื่องการป้องกันควบคุมโรคขาดสารไอโอดีนแก่ อสม. ผู้นำชุมชน คณะกรรมการหมู่บ้าน ครูในโรงเรียน ครูในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ประชาชนและนักเรียน พร้อมทั้งจัดตั้งคณะกรรมการตรวจเกลือเสริมไอโอดีนในหมู่บ้านเพื่อสำรวจคุณภาพเกลือเสริมไอโอดีนในครัวเรือน ร้านค้า ร้านอาหาร สถานศึกษาปีละ 1 ครั้ง โดยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. ออกติดตามเยี่ยมหมู่บ้านและให้ความรู้แก่ประชาชนในการใช้เกลือเสริมไอโอดีนในหมู่บ้าน นอกจากนี้ในสถานศึกษาและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ได้สนับสนุนเกลือเสริมไอโอดีน และจัดอบรมครู นักเรียน ผู้รับผิดชอบการประกอบอาหารกลางวันโดยใช้เกลือเสริมไอโอดีนและผลิตภัณฑ์เสริมไอโอดีน จัดตั้งผู้นำนักเรียนด้านการส่งเสริมการใช้เกลือเสริมไอโอดีนและสำรวจคุณภาพเกลือร่วมกับ อสม. พร้อมทั้งติดตามภาวะโภชนาการและพัฒนาการเด็ก 0 – 5 ปี และ 6 – 12 ปี ปีละ 1 ครั้ง "
ทั้งนี้ ในส่วนของการดำเนินงานรณรงค์ให้หญิงตั้งครรภ์ได้กินยาเม็ดเสริมไอโอดีนอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอแก่งกระจาน พื้นที่ศึกษาดูงานในครั้งนี้นั้น หญิงตั้งครรภ์ที่มาฝากครรภ์ครั้งแรกที่โรงพยาบาลแก่งกระจาน จะได้รับยาเม็ดเสริมไอโอดีนจนถึงหลังคลอด 6 เดือน ซึ่งการมาฝากครรภ์ทุกครั้ง เจ้าหน้าที่จะสอบถามว่ากินยาหรือไม่ และให้ยาเม็ดเสริมไอโอดีนทุกครั้ง จากนั้นหลังคลอดก่อนกลับบ้านจะได้รับยาเม็ดเสริมไอโอดีนประมาณ 2 เดือน และเมื่อมารับการตรวจสุขภาพหลังคลอดจะได้รับยาเม็ดเสริมไอโอดีนอีกประมาณ 1 – 2 เดือน และสุดท้ายเมื่อพาลูกมาฉีดวัคซีน จะได้รับยาเม็ดเสริมไอโอดีนอีกจนลูกครบ 6 เดือน” นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี กล่าว
ทางด้าน นายสมชาย พรพิจิตรทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังจันทร์ กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนตำบลวังจันทร์ ได้กำหนดนโยบายสาธารณะของชาวตำบลวังจันทร์ให้ใช้เกลือเสริมไอโอดีนและใช้ผลิตภัณฑ์เสริมไอโอดีน ที่ได้มาตรฐานปรุงอาหารทุกครั้ง มีการจัดอบรมเพื่อเสริมสร้างความรู้และเกิดความร่วมมือของทีมงาน ประกอบด้วย อบต. อสม. ผู้นำชุมชน อย.น้อย และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการร่วมกันออกสำรวจเกลือเสริมไอโอดีนครอบคลุมทั้ง 8 หมู่บ้าน และในครัวเรือน 1 ครั้งต่อปี รวมถึงการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เสียงตามสายเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้ประชาชน ชุมชน ร้านค้า ร้านอาหาร โรงเรียน เกิดความตระหนัก มีความรู้ ความเข้าใจ และเห็นความสำคัญของการใช้ผลิตภัณฑ์ เสริมไอโอดีนได้อย่างครอบคลุม พร้องทั้งให้ความร่วมมือในการปรับเปลี่ยนมาใช้หรือขายผลิตภัณฑ์เสริมไอโอดีนด้วย
ที่มา : เว็บไซต์ฐานเศรษฐกิจ
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต