
เว็บผิดกฎหมาย พุ่ง 4 แสนลิงก์! สสส.–ดีอี MOU ยกระดับภูมิคุ้มกันดิจิทัล สร้างเซฟโซน ปกป้องเด็ก–เยาวชนจากภัยออนไลน์
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข
ภาพประกอบจาก สสส.
ปี 68 เว็บไซต์ผิดกฎหมายในไทยพุ่งกระฉูด 4 แสนลิงก์ เว็บไซต์พนันออนไลน์โตขึ้น 4 เท่า สร้างผลกระทบต่อสุขภาวะเด็ก-เยาวชน สสส.-ดีอี MOU ผนึกกำลังผลักดันมาตรการคุ้มครองผู้ใช้สื่อออนไลน์-พัฒนาระบบเฝ้าระวังภัยข้อมูลสุขภาพ-สร้างพลเมืองร่วมตรวจสอบข่าวลวง ยกระดับสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 17 ต.ค. 2568 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ กรุงเทพฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบูรณาการความร่วมมือในการเฝ้าระวังสื่อดิจิทัล เพื่อผลักดันนโยบายและมาตรการคุ้มครองผู้ใช้สื่อออนไลน์ พร้อมสร้างกลไกการสื่อสารที่เข้มแข็ง เพื่อยกระดับการรู้เท่าทันสื่อของประชาชน
นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่าปัญหาการเผยแพร่เนื้อหาที่เข้าข่ายผิดกฎหมายบนสื่อดิจิทัลมีแนวโน้มทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการพนัน บุหรี่ไฟฟ้า และโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาวะของเด็ก เยาวชน และประชาชน จากการสำรวจข้อมูลเว็บไซต์ที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2566-30 ก.ย. 2568 โดยกระทรวงดิจิทัลฯ พบว่า ในไทยมีเว็บไซต์ที่เข้าข่ายผิดกฎหมายด้านการพนันและสินค้าต้องห้ามเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จาก 70,000 เว็บไซต์ ในปี 2567 เป็น 400,000 เว็บไซต์ ในปี 2568 ที่น่าสนใจ พบว่า เว็บไซต์การพนันมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า จาก 62,213 เว็บไซต์ ในปี 2567 เป็น 307,538 ในปี 2568 ขณะเดียวกันเว็บไซต์ด้านเนื้อหาเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีแนวโน้มแพร่กระจายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านช่องทางสื่อออนไลน์
“กระทรวงดิจิทัลฯ มีภารกิจสำคัญในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และระงับการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เหมาะสมหรือผิดกฎหมายบนสื่อดิจิทัล ตลอดจนเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ การลงนามความร่วมมือกับ สสส. ครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสานพลังเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เพื่อร่วมกันเฝ้าระวัง ป้องกัน และลดความเสี่ยงจากภัยออนไลน์ มีแนวทางการทำงานร่วมกัน 4 ด้าน 1.ผลักดันมาตรการและกลไกเชิงนโยบายในการสร้างความปลอดภัยและคุ้มครองผู้ใช้สื่อออนไลน์ 2.สร้างความร่วมมือทางวิชาการและพัฒนางานสำรวจวิจัยทางสุขภาพและสังคม 3.พัฒนาระบบเฝ้าระวังภัยออนไลน์ที่ส่งผลต่อสุขภาพ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมาย 4.สร้างค่านิยมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ปลอดภัย” นางสาวชมภารี กล่าว
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส. มุ่งขับเคลื่อนงานด้านการส่งเสริมและป้องกันปัจจัยเสี่ยงที่กระทบต่อสุขภาวะของประชาชน โดยเฉพาะจากสื่อและพฤติกรรมการใช้งานดิจิทัล ผ่านการสนับสนุนนวัตกรรม องค์ความรู้ และการสร้างค่านิยมการใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์ การลงนามความร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลฯ ครั้งนี้ จะเดินหน้าสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัย ผ่านการขับเคลื่อนงานสำคัญ 7 มิติ 1.พัฒนาระบบเฝ้าระวังภัยออนไลน์ ทั้งการแจ้งเบาะแส การส่งต่อข้อมูล รวมถึงการติดตามผล พร้อมจัดตั้งคณะทำงาน “ปิดกั้นเว็บไซต์” ซึ่งระหว่างเดือน มี.ค.-พ.ค. 2568 ได้ดำเนินการส่งต่อเว็บไซต์การพนันและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว 1,314 เว็บไซต์ 2.พัฒนาพลเมืองเฝ้าระวังภัยออนไลน์ ผ่านกลไกอาสาสมัครดิจิทัล โดย สสส. จะสนับสนุนองค์ความรู้และนวัตกรรมในการพัฒนาอาสาสมัคร และขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครดิจิทัลในการสื่อสาร และเฝ้าระวังภัยออนไลน์ที่ส่งผลต่อสุขภาวะ 3.เชื่อมโยงข้อมูลสื่อองค์ความรู้สุขภาวะ ผ่านระบบข้อมูลสารสนเทศสุขภาพ เพื่อสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพเฉพาะบุคคล
“4.ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน ด้วยระบบกลางภาครัฐ (Cloud Computing) เพื่อติดตามพฤติกรรมการสวมหมวกนิรภัยของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ และนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดกฎจราจร 5.ดำเนินการสำรวจสถานการณ์รู้เท่าทันสื่อและสารสนเทศของคนไทย โดย สสส. จะร่วมออกแบบและกำหนดประเด็นแบบประเมิน เพื่อให้ผลสำรวจสามารถสะท้อนสถานการณ์ได้อย่างรอบด้าน 6.สนับสนุนการป้องกันและรับมือกับข่าวลวง ผ่านการพัฒนาองค์ความรู้และสื่อสารป้องกันการเผยแพร่ข่าวลวงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ 7.ขับเคลื่อนให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้และการรู้เท่าทันสื่อ ผ่านการจัดทำสื่อรณรงค์ และจัดเวทีสาธารณะ มุ่งสร้างทักษะการใช้สื่ออย่างสุขภาวะดีและสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน” ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว