เร่งผลิต “ผู้จัดการฯ ผู้สูงอายุ” เป็นของขวัญปีใหม่ผู้สูงวัย

          กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และภาคีเครือข่าย ดำเนินโครงการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมผู้จัดการการดูแลผู้สูงอายุ (Care manager) และฝึกอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Care giver) ในชุมชนเพื่อดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี

/data/content/26331/cms/e_dghjnotuz156.jpg

          ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงการอบรมหลักสูตร Care manager รุ่นแรกของประเทศไทยว่า เป็นการเตรียมการรองรับสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย เนื่องจากประชากรผู้สูงอายุของประเทศไทย เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 7.5 ล้านคน หรือร้อยละ 11.7 ในปี 2553 เพิ่มเป็น 9.7 ล้านคน หรือร้อยละ 15 ในปี 2557 และ ร้อยละ 95 ของผู้สูงอายุมีความเจ็บป่วยด้วยโรคอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เข่าเสื่อม โรคซึมเศร้า และทุพพลภาพติดเตียง ขณะที่มีเพียงร้อยละ 5 เท่านั้นที่ไม่เป็นโรค ผู้สูงอายุเข้าถึงระบบบริการสุขภาพเพียงร้อยละ 56 นอกจากนี้ยังพบว่าผู้สูงอายุ 1 ใน 2 คน อ้วนและเป็นโรคอ้วน โดยมีพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์เพียงร้อยละ 26 มีผู้สูงอายุอยู่คนเดียว ประมาณ 6 แสนคน หรือร้อยละ 8 และอยู่ลำพังกับคู่สมรส มากถึง1.3 ล้านคน หรือร้อยละ 16 ผู้สูงอายุเพียง 1 ใน 4 ที่มองเห็นชัดเจน เกือบครึ่งหนึ่งของผู้สูงอายุมีปัญหาด้านการบดเคี้ยวอาหารและสุขภาพช่องปาก โดย ร้อยละ 48 มีฟันแท้เหลือน้อยกว่า 20 ซี่

          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่อไปว่า จากปัญหาสุขภาพของผู้สูงอายุดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุข ได้พัฒนาระบบการสร้างเสริมสุขภาวะผู้สูงอายุ และผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงรวมถึงผู้ป่วยในระยะสุดท้ายของชีวิตโดยเป็นนโยบายสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการดังต่อไปนี้ 1) การคัดกรองเพื่อจำแนกกลุ่มผู้สูงอายุตามภาวะพึ่งพิง และประเมินความจำเป็นด้านการสนับสนุนบริการและจัดบริการด้านสุขภาพและสังคม และ2) การจัดบริการด้านสุขภาพและสังคมรวมถึง มีCare giver และ Care manager อย่างพอเพียงในสัดส่วน Care manager 1 คน ต่อ Care giver 5-7 คนและ Care giver 1 คน ต่อผู้สูงอายุติดบ้าน ติดเตียง 5-7 คน โดยบูรณาการเรื่องการนวดไทยเข้าไปในหลักสูตร Care Manager และ Care giver เพื่อช่วยดูแลผู้สูงอายุและผู้อยู่ในระยะพึ่งพิงรวมผู้พิการ โดยกำหนดเป้าหมายการดำเนินการ 20 จังหวัดภายในเดือนธันวาคม 2557

          ทางด้าน ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากรายงานการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2554-2564 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 พ.ศ.2552 ระยะที่ 2 พ.ศ.2550-2554 ยุทธศาสตร์ที่ 3 มาตรการที่ 4.2 จัดตั้งและพัฒนาบริการทางสุขภาพและทางสังคมรวมทั้งระบบการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวในชุมชนที่สามารถเข้าถึงผู้สูอายุมากที่สุดโดยเน้นบริการถึงบ้านและมีการสอดประสานกันระหว่างบริการทางสุขภาพและทางสังคมฯ โดยกำหนดดัชนีวัดที่ 38 สัดส่วนของตำบลที่มีบริการสำหรับผู้สูงอายุ คือ 1)สนับสนุนการดูแลระยะยาว 2) ระบบประคับประคอง 3) ดูแลโรคเรื้อรังที่สำคัญ 4) อาสาสมัครในชุมชน และ5) สนับสนุนให้ผู้ดูแลมีความรู้ความสามารถในการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งจากผลการประเมินมีผลการดำเนินงานเพียงร้อยละ 34.3 จากเป้าหมาย ร้อยละ 50

          “การเตรียมการเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุมีความสำคัญ โดยกระทรวงสาธารณสุข เร่งดำเนินการส่งมอบสมุดบันทึกสุขภาพผู้สูงอายุ เพื่อเป็นสมุดประจำตัวผู้สูงอายุไทยทุกคนในการเฝ้าระวังประเมินสุขภาพผู้สูงอายุโดยตนเองและครอบครัว อีกทั้ง เร่งดำเนินการผลิตCare manager และ care giver ที่มีคุณภาพ มีความรู้ ความเข้าใจและทักษะในการดูแลช่วยเหลือผู้สูงอายุในชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้สูงอายุมีความปลอดภัยและ มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อเป็น ของขวัญปีใหม่จากรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ” คืนความสุขเพื่อผู้สูงวัยเป็นร่มโพธิ์ ร่มไทรหลักชัยของสังคม” อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด

 

          ที่มา: เว็บไซต์ฐานเศรษฐกิจ

          ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

Shares:
QR Code :
QR Code