เรียน’วิทย์’นอกห้อง ฉบับครอบครัวแสนสนุก
“จริง ๆ แล้ววิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเราต่างหาก”… ประโยคอธิบายสั้น ๆ แต่ชวนให้คิด ต่อ ของ ออย วัชราภรณ์ สนทนา นักวิชาการ จากสำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่ง ชาติ (สวทช.) ทำให้เด็ก ๆ ที่นั่งหยุกหยิกเริ่ม หันมาตั้งอกตั้งใจฟัง พร้อมอยากรู้แล้วว่า การเรียนวิทยาศาสตร์ให้สนุกนั้นทำอย่างไร? ฟังดูยาก แต่จริง ๆ แล้วง่ายมาก
ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ (สสส.) ได้จัดกิจกรรม “ครอบครัวแสนสนุก สุขด้วยวิทย์” ภายใต้โครงการส่ง เสริมการเรียนรู้สุขภาวะ ตามวันสำคัญ โดยสอด คล้องกับวาระ วันวิทยา ศาสตร์แห่งชาติ เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ที่สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้วิทยา ศาสตร์ใกล้ตัวในธรรม ชาติ และตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการใช้เวลาทำกิจกรรมร่วม กันภายในครอบครัว
กิจกรรมนี้เปิดโอกาสให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ร่วมเรียนวิชาวิทยา ศาสตร์ และเล่นกีฬาไปพร้อม ๆ กัน เน้นเสริมสร้างกระบวน การเรียนรู้นอกห้องเรียน อาทิ กิจกรรมแค่ขยับเท่ากับลดพุง กิจกรรมแรลลี่แสนสนุกสุขด้วยวิทย์ กิจกรรมทำ แซนด์วิชตามกรุ๊ปเลือด เป็นต้น
แน่นอนว่าการเรียนวิทยาศาสตร์ในห้องเรียนต่างกับการเรียนนอกห้องเรียน แขก อาทิตย์ ลมูลปลัง วิทยากรจากสำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) อธิบายว่า “การเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ในห้อง เรียน ส่วนใหญ่คุณครูจะยึดเอาหลักการในบทเรียนมากเกินไป สอนผ่านการท่องจำในหนังสือ ทำให้มีข้อจำกัดในเรื่องของจินตนาการ แต่หากเราให้เด็กได้ทดลองและสัมผัสจริง ๆ เกิดการ กระตุ้นต่อมอยากรู้และหาคำตอบด้วยตัวเอง สิ่งที่ได้คือเขาจะสามารถนำความรู้ไปอธิบายต่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้ฟังโดยที่อาจไม่ต้องอ้างอิงจากตำราเรียน แต่อธิบายจากความเข้าใจจริง ๆ
ออย วัชราภรณ์ สนทนา นักวิชาการ จากสำนักพัฒนาวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) บอกว่า การเรียนวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน คือการ เรียนรู้จากธรรมชาติ ครั้งนี้จึงนำเอาหลักการวิทยาศาสตร์อย่างง่ายที่เกิดขึ้นกับ “ใบบัว” มาเป็นตัวอย่างให้เรียนรู้ กล่าวคือคุณสมบัติพิเศษแขก-ของใบบัวซึ่งมีหยดน้ำอนุภาคระดับนาโนเรียงตัว ชิดกัน นักวิทยาศาสตร์จึงนำหลักการนี้ไปประยุกต์เป็นนวัตกรรมที่เราเรียกว่า นาโนเทคโนโลยี ซึ่งมีคุณสมบัติทำความสะอาดตัว เองได้
“วิทยาศาสตร์ก็คือการเอาธรรมชาติมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างนวัตกรรม เรียนรู้โดยการอาศัยความช่างสังเกตสิ่งรอบ ตัว เพื่อค้นพบสิ่งใหม่ ๆ เพราะแท้จริงแล้ว ในธรรมชาติมีสิ่งมหัศจรรย์รอบตัว หรือสิ่งที่ เราจะสามารถเอามาเป็นแรงบันดาลใจได้” นักวิชาการ สวทช. เสริมทิ้งท้าย
นอกจากการเสริมสร้างทักษะความรู้ทางวิทยาศาสตร์แล้ว กิจกรรมครั้งนี้ยังเสริมความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัวได้ไม่ น้อยไปกว่ากัน โดย คุณแม่พูลศรี เจริญผล อายุ 47 ปี อาชีพเจ้าของธุรกิจส่วนตัว บอก ว่า ในชีวิตประจำวันเด็กยุคใหม่มักจะไม่ค่อยสนใจเรื่องวิทยาศาสตร์มากนัก ส่วนใหญ่จะ ขลุกอยู่กับคอมพิวเตอร์ ทีวี โทรศัพท์ ขาดการออกมาแสวงหาความรู้จากโลกภายนอก และ ยังทำให้ครอบครัวคุยกันน้อยลงและเหินห่าง อีกด้วย
“ฉะนั้นจึงอยากแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่พาเด็ก ๆ ออกไปร่วมกิจกรรมเพื่อหาความรู้เพิ่มเติมนอกห้องเรียน เพราะไม่ใช่ความรู้เท่านั้นที่จะได้ แต่สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การที่สมาชิกในครอบครัวจะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ผสานความอบอุ่นผ่านการสัมผัสและสบตากัน โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องมือสื่อสารใด ๆ” คุณแม่พูลศรี ย้ำ
เมื่อผลลัพธ์ของการเรียนรู้คือ “ความ เข้าใจ” ระหว่างผู้ร่วมปฏิบัติ กิจกรรมสานสุขภายในครอบครัววันนี้ จึงเติมเต็มช่องว่างความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ แม่ และลูก ให้แน่นแฟ้นขึ้นอย่างอบอุ่น…
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์