เรียนรู้รากเหง้า สอนเยาวชนสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นการกลับมาปาหินใส่รถ เด็กซิ่ง เด็กแว้น เด็กติดเกม เด็กหนีโรงเรียนไปอยู่ในห้องร้องคาราโอเกะนั้น เป็นผลพวงจากความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคม
เด็กในสังคมไทยเติบโตไปในทางที่ร้ายทั้งหมดหรือ?
คำตอบคือไม่ใช่อย่างแน่นอน
เพราะขณะเดียวกันในอีกซีกหนึ่งของสังคม เราก็มีนักเรียนเรียนเก่งที่ไปสอบแข่งขันทางด้านวิชาการระดับชาติ คว้าเหรียญกลับมาให้ได้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของโรงเรียน ประเทศชาติ ครอบครัว และตัวเอง
ในสังคมเดียวเราจึงเห็นภาพซ้อนสองมิติ ระหว่างการเติบโตของเด็กไปสู่สภาพที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจไปพร้อมๆ กัน
โครงการเยาวชนสืบสานภูมิปัญญา สถาบันต้นกล้า เป็นเครือข่ายภาคีหนึ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในการจัดทำ “คู่มือศึกษาชุมชนสำหรับเยาวชน” ขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า ก่อเกิด
เรื่องราวในคู่มือนี้ได้รับคำนิยมจากอาจารย์ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ วิทยาลัยการจัดการทางสังคม ว่า เป็นคู่มือที่เหมาะกับเยาวชนในยุคปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในภาวะที่การเรียนรู้ นำพาให้เยาวชนมีความรู้ความเข้าใจเรื่องราวของชุมชนท้องถิ่นลดน้อยถอยลงโดยลำดับ ส่งเสริมให้ความรู้สมัยใหม่ในกระแสโลกาภิวัตน์
เยาวชนส่วนใหญ่จึงไม่ภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตัวเอง พากันไหลบ่า แสวงหาการงานในตัวเมือง ภายใต้ภาวการณ์หดแคบของการงาน ราชการกำลังลดจำนวน ภาคธุรกิจไม่รับคนทำงานมือใหม่ เส้นทางเดินของเยาวชนจะไปทางไหน?
ทางหนึ่งคงต้องดิ้นรน ต่อสู่แข่งขันกันต่อไป อีกทางหนึ่งที่เลี่ยงไม่ได้ คือการกลับสู่ชนบท กลับสู่ท้องถิ่น อนาคตข้างหน้ามิใช่ว่าจะสดใส ขณะที่ไม่ภาคภูมิใจในชุมชนและไม่เข้าใจชุมชน อย่างน้อยการมีคู่มือการศึกษาชุมชนเป็นแนวทาง น่าจะมีประโยชน์ไม่น้อย การกลับไปเข้าใจชุมชนจนกระทั่งอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างมีความสุข สามารถแสวงหาบทบาทใหม่ๆ ของตัวเองในการสร้างสรรค์ชุมชนท้องถิ่น
โครงการนี้เริ่มต้นตั้งแต่การเรียนรู้ว่า เป้าหมายของการสิ่งใดๆ ที่เราจะทำในชีวิตนั้น คือการเข้าใจตัวเองโดยสมบูรณ์ สมัยที่เป็นเด็ก เด็กนั้นจะมีตาขายการเรียนรู้ถี่ยิบไปหมด อยากรู้ไปหมดทุกเรื่อง ถ้าเราสังเกตแววตาของเด็กยามที่เขาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มันเป็นแววตาที่มีชีวิตชีวา สดใสและมีพลัง แต่พอเด็กเข้าไปในห้องเรียน ห้องนั้นกลายเป็นกรอบที่สี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยกฎ กติกา ระเบียบการต่างๆ ซึ่งความคิดแข็งๆ นี้ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นความเฉื่อยชาต่อการเรียนรู้ ขาดความสุขในการเรียนรู้ ก็เลยได้แต่ท่องจำ
ไม่อยากด่วนสรุปว่า นี่คือเหตุผลที่ทำให้เด็กไทยของเราหันเหออกจากโรงเรียน จากชุมชน เข้าไปสู่สิ่งที่เร้าใจอย่างเกม หรือคาราโอเกะ รวมถึงการมีพฤติกรรมแปลกๆ โดยไม่สนใจว่าชาวบ้านจะได้รับความเดือดร้อนมากน้อยขนาดไหนทำไมต้องเรียนรู้รากเหง้า
การให้เด็กได้เรียนรู้รากเหง้าเป็นการย้อนรอยอดีตที่ยังคงมีคุณค่าและความหมายอยู่ในปัจจุบัน หนังสือเล่มนี้จะกล่าวถึงหลักในการศึกษาชุมชนเบื้องต้น และนำเสนอเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา เรียนรู้ชุมชนในด้านต่างๆ ตลอดจนการวิเคราะห์และประเมินชุมชน เพื่อหาทางออกจากสภาพปัญหาต่างๆ ที่เป็นผลมาจากกระแสการพัฒนาแบบทุนนิยมบริโภค หรือระบบโลกาภิวัตน์
เด็กๆ ที่เข้าร่วมโครงการนี้จะได้ทำความเข้าใจกับข้อมูลของชุมชนอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะมีเครื่องมืออำนวยความสะดวก เช่น สมุดบันทึก กล้องถ่ายรูป ทำให้การทำความรู้จักเรื่องราวของชุมชนไม่ใช่สิ่งยากเย็น ต่อจากนั้นก็นำข้อมูลมาวิเคราะห์ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ ซึ่งจะมีเรื่องของความคิดความเชื่อของผู้คนในชุมชนนั้นๆ มาเกี่ยวข้องด้วย
ในการวิเคราะห์ชุมชนนั้นจะมีการช่วยกันคิดต่อด้วยว่า มรดกทางวัฒนธรรมที่บรรพชน ปู่ ย่า ตา ยายสั่งสม สืบทอดกันมา จะช่วยสร้างพลังผลักดันให้ชุมชนเคลื่อนไปในหนทางแห่งความดีงามได้อย่างไรในชุมชนนั้นๆ ด้วยเรียนรู้หลักการแล้วนำไปสานต่อ
หลังจากอ่านหลักการของการเรียนรู้รากเหง้า เท่าทันสังคมแล้ว พวกเราทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในสถานะพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ พลเมืองของชุมชน สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์สำหรับเด็กๆ ได้อย่างดี
ที่สำคัญเด็กๆ จะมีประสบการณ์ในการเรียนรู้สิ่งที่เป็นปัญหาสำคัญของชุมชนในขณะนี้ สามารถคิดได้ว่าสิ่งใดจะหายไปจากชุมชนในอนาคตอันใกล้นี้ และสามารถคิดได้ว่าปัญหาใดจะเกิดเป็นผลกระทบระยะยาวต่อชุมชน
คิดได้ว่าสาเหตุหลักของปัญหาที่เพิ่มขึ้นเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง ใครบ้างที่มีส่วนทำให้ปัญหาของชุมชนยังอยู่ ใครน่าจะเปลี่ยนแปลงชุมชนให้ดีขึ้นบ้าง
คิดง่ายๆ หากบ้าน หากชุมชนน่าอยู่ มีเรื่องราวสนุก มีกิจกรรมที่เป็นตัวจุดประกายช่วยสานฝันให้เด็กๆ ได้ พวกเขาก็คงไม่หลุดออกไปเร่ร่อนอยู่ตามท้องถนน แต่จะจับกลุ่มชวนกันทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น
เราอาจเห็นภาพเด็กๆ ในชุมชนจับกลุ่มกันเล่นกีฬา ช่วยกันปลูกต้นไม้ ทำความสะอาดวัด ตั้งเวทีฝึกหัดสืบสานงานทางด้านวัฒนธรรม อย่างสนุกสนาน ทุกอย่างยังไม่สาย หากเราคิดเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ แก้ปัญหาด้วยภูมิปัญญา เพาะต้นกล้าคุณภาพขึ้นมาอีกครั้ง
เราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน อยู่ที่ว่าเรามองว่าสิ่งนั้นสำคัญหรือไม่ เพียงใด
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
ภาพประกอบ: เครือข่ายเยาวชนสืบสานภูมิปัญญา
update 27-07-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก
อ่านเนื้อหาทั้งหมดในคอลัมน์คลิกที่นี่