“เยียวยาฟื้นฟู” แบบบูรณาการกับจิตใจคนไทยทั้งประเทศ
หลังเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองทำจิตใจห่อเหี่ยว ท้อแท้ สิ้นหวัง
เมื่อสถานการณ์ความวุ่นวายจบลง!!…สิ่งที่หลงเหลือก็คงจะหนีไม่พ้น “ความสูญเสีย” ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านช่อง สถานที่สำคัญๆ ต่างๆ รวมถึงห้างร้านดังหลายแห่งที่ถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายเผาจนไม่เหลือชิ้นดี!! จนไม่สามารถตีค่าเป็นจำนวนเงินได้ว่าครั้งนี้ประเทศไทยสูญเสียไปมากมายแค่ไหน? แต่สิ่งเหล่านั้นพังไปแล้วก็สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ แต่สภาพจิตใจของผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนที่ต่างรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง และหวาดกลัว ซ้ำร้ายบางรายถึงกับหมดเนื้อหมดตัวไปเลยทีเดียว …เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้ อาจฝังอยู่ในความทรงจำของคนไทยไปอีกนานเป็นแน่ ..ซึ่งทางออกเดียวที่จะช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจของเขาเหล่านั้นได้ ..คงหนีไม่พ้น “การเยียวยา”…
ในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบครั้งนี้ เบื้องต้นในส่วนของรัฐบาล 1.จะให้เงินช่วยเหลือกรณีพิเศษแบบให้เปล่ารายละ 50,000 บาท นอกเหนือจากเงินช่วยเหลือที่ กทม.มอบให้ 2. ช่วยเหลือเรื่องเงินทุนหมุนเวียนผ่านธนาคารรัฐ เช่น เอสเอ็มอีแบงก์ ธนาคารออมสิน ในลักษณะสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 3.จัดหาสถานที่ให้ค้าขาย มีด้วยกันหลายจุด ในส่วนของผู้ค้าย่านสยามสแควร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะกันพื้นที่ทำเต็นท์ขายของชั่วคราวให้ จากนั้นจะทำเต็นท์กึ่งถาวรก่อนให้กลับไปที่เดิม หลังการบูรณะซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยพร้อมปฏิบัติในทันที ล่าสุดได้เปิดศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์และช่วยเหลือผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้าที่ได้รับความเดือดร้อนที่ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์ราชการถนนแจ้งวัฒนะ ก่อนกระจายเปิดศูนย์ที่สำนักงานเขตต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ รับร้องทุกข์จากผู้เดือดร้อน
ในส่วนของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ได้เสนอของบประมาณ 996 ล้านบาท ช่วยเหลือลูกจ้าง 100,000 คน โดยจ่ายเงินให้นายจ้างผ่านไปยังลูกจ้างในสถานประกอบการที่หยุดกิจการชั่วคราวตามมาตรา75 พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ซึ่งปกติส่วนนี้นายจ้างยังต้องจ่ายค่าจ้างให้อัตราร้อยละ 75 ของค่าแรงขั้นต่ำ แต่รัฐบาลจะรับผิดชอบแทน ส่วนสถานประกอบการที่ถูกเพลิงไหม้และลูกจ้างไม่ได้ค่าจ้างก็จะเสนอให้ช่วยจ่าย 60 เท่าของค่าแรงขั้นต่ำ และลูกจ้างที่ทำงานไม่ถึง 120 วัน จะเสนอให้จ่ายเงินชดเชย 30 เท่าของค่าแรงขั้นต่ำ
ขณะเดียวกันในส่วนของกทม. ได้มีการตั้งกองทุน “รวมกันเราทำได้” ไว้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยของกทม.เลขที่บัญชี 088-004320-2 ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยศาลาว่าการ กทม. ทั้งนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมกรกลั่นกรองการเบิกจ่ายเงินมีบุคคลภายนอกองค์กรเข้ามาดูแลร่วมกับสำนักการคลัง กทม. รวมถึงจะขยายเวลาการผ่อนชำระภาษีโรงเรือนและที่ดินจากเดิม 24 งวดเป็น 60 กทม. ที่สำคัญกทม.จะเร่งออกใบอนุญาตในการจัดสรรพื้นที่ให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบเข้าทำการค้าขายให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
เช่นเดียวกับกระทรวงสาธารณสุขที่ได้ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. จัดทำแผนเยียวยาและฟื้นฟูสภาพจิตใจเพื่อนำไปสู่การสร้างสังคมสมานฉันท์ โดยแบ่งเป็นแผนหลักใหญ่ๆ 2 ส่วน ประกอบด้วย แผนฟื้นฟูสุขภาพกายและสุขภาพจิต แผนในระยะสั้นจะเน้นกลุ่มที่ผู้บาดเจ็บ และครอบครัวของผู้ได้รับบาดเจ็บและ ครอบครัวของผู้เสียชีวิต รวมทั้งครอบครัวของผู้ที่มาร่วมชุมนุม และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมประมาณ 7 เขต ได้แก่ ปทุมวัน บางรัก คลองเตย วัฒนา ราชเทวี ดินแดง และสาทร รวมประมาณ 30 ชุมชน รวมถึงจะระดมทั้งทีมแพทย์สุขภาพกายและสุขภาพจิต เข้าไปในแต่ละชุมชนเพื่อฟื้นฟูตามแนวทางที่ได้กำหนดไว้ เพื่อลดภาวะความเครียด ป้องกันการเกิดปัญหาซึมเศร้า ที่อาจจะนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้ รวมทั้งที่จะเข้าไปช่วยลดระดับความรุนแรงของสภาพอารมณ์ต่างๆ ตามหลักแนวทางทางการแพทย์อีกด้วย…
ส่วนการดำเนินการให้ความช่วยเหลือด้านสุขภาพของประชาชนครั้งนี้ ได้จัดทีมแพทย์เจ้าหน้าที่ออกไปให้การดูแลในแต่ละพื้นที่ จำนวน 4 ทีม ได้แก่ 1. ทีมจากกรมการแพทย์ ทีมโรงพยาบาลสังกัดสำนักงาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุขดูแลด้านการตรวจรักษา 2. ทีมกรมควบคุมโรคเข้าไปดูแลการป้องกันและควบคุมโรค 3. ทีมกรมอนามัยซึ่งจะเข้าไปดูแลเรื่องอนามัยสิ่งแวดล้อม ผลกระทบทางด้านกลิ่น ผลกระทบทางด้านมลพิษในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา และ 4. ทีมกรมสุขภาพจิต ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องทำแบบบูรณาการ…นอกจากนี้ก็ยังมีหลายหน่วยงานยื่นมือเข้าช่วยเหลือ เช่น สภาทนายความ ก็แสดงความประสงค์พร้อมดูแลเรื่องข้อกฎหมายเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ซึ่งปัจจุบันนี้ มีผู้ค้ารายย่อยและผู้ที่เดือดร้อนมาแสดงความจำนงขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลแล้วตั้งแต่วันที่ 19-23 พ.ค. จำนวน 2,951 ราย รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 3,444,458,214.56 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขของความเสียหายที่มากครั้งหนึ่งเลยทีเดียว….
สิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยครั้งนี้.. นับเป็นเหตุการณ์ที่จะจารึกอยู่ในใจคนไทยไปอีกนานแสนนานเป็นแน่ ซึ่งหากเลือกได้คงไม่มีใครยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่เมื่อ “เวลาย้อนกลับไม่ได้” ณ เวลานี้คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่คนไทยช่วยเหลือและให้กำลังใจกัน สามัคคีกัน… เพื่อสังคมจะได้กลับมาสงบสุขอีกครั้ง…
ที่มา: ณัฏฐ์ ตุ้มภู่ content www.thaihealth.or.th
Update:27-05-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่