เผย ! เด็กไทยพัฒนาการล่าช้า
สสส. เผยเด็กไทยพัฒนาการภาษาล่าช้า แนะให้เด็กดื่มนมแม่ 6 เดือน พร้อมปลูกฝังการอ่านแรกเกิดถึง 6 ปี สร้างพัฒนาการสมวัย
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2555 ที่ อุทยานการเรียนรู้ ทีเค ปาร์ค แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ภายใต้การสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเวทีสาธารณะ “หนังสือและสื่ออ่านเพื่อพัฒนาสุขภาวะและพัฒนาการของเด็กปฐมวัย” ร่วมกับ องค์กรเครือข่ายส่งเสริมการอ่านอีก 11 องค์กร โดยมีนางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน เป็นประธานเปิดงาน มีนักวิชาการ ผู้ปกครองและบุคคลที่สนใจเข้าร่วมจำนวนมาก
นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน กล่าวบนเวทีสาธารณะว่า มีงานวิจัยที่ระบุชัดเจนว่าสมองมนุษย์จะเติบโตมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ในช่วงอายุ 3-4 ปี และพัฒนาการอื่นๆของร่างกายก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนถึงอายุ 25 ปี สิ่งสำคัญที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ช่วงที่เด็กอายุ 3-4 ปีแรก คือ การอ่าน แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านจึงจัดกิจกรรมนี้ขึ้น เพื่อขับเคลื่อนให้การอ่าน เป็นที่นิยมและแพร่หลายอย่าจริงจัง โดยนำผลงานวิชาการทางการแพทย์ออกมากระตุ้นและให้สังคมเห็นความสำคัญของการอ่านหนังสือ เนื่องจากการอ่านเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญของการพัฒนาเด็กปฐมวัย และเป็นเครื่องมือง่ายมากที่สุดที่ส่งเสริมพัฒนาการและทักษะ ด้านต่างๆ ให้กับเด็ก
ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน กล่าวอีกว่า การปลูกฝังให้เด็กหันมาสนใจการอ่านมากขึ้น เริ่มจากครอบครัวต้องให้ความสำคัญของการอ่านหนังสือ พ่อแม่เลือกหนังสือตรงตามพัฒนาการของลูก การส่งเสริมให้เด็กรักการอ่านสามารถทำได้ตั้งแต่ตอนตั้งครรภ์ ถ้าเด็กได้อ่านหนังสือ หรือ พ่อแม่อ่านหนังสือให้ฟังตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี จะมีพัฒนาการด้านภาษาที่ดีขึ้น ด้านการคิดวิเคราะห์และถ่ายทอดการสื่อสาร จะทำได้ดีและเรียนรู้ได้เร็วกว่าเด็กที่ไม่ได้รับการปลูกฝังและส่งเสริมการอ่านตั้งแต่เด็ก
นอกจากนี้ภายในงานยังมีการนำเสนอผลงานวิชาการเรื่อง “6 เดือนนมแม่ สานสายใยรักแท้สู่ 6 ปีการอ่าน” โดย รศ.พญ.นิชรา เรืองดารกานนท์ ผู้อำนวยการหน่วยพัฒนาการเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ โครงการพัฒนาศักยภาพประชากรไทย คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า พัฒนาการของเด็กในช่วง 6 ปีแรก เป็นพัฒนาการในภาพรวม เพราะสมองของเด็กพัฒนาแบบเชื่อมโยง ไม่ได้พัฒนาด้านใดเพียงด้านเดียว ช่วงแรกงานวิชาการจะสนใจเรื่องพัฒนาการของเด็กมากกว่าการอ่านหนังสือออกและให้ความสำคัญเรื่องพัฒนาการทางภาษา ซึ่งไม่ใช่แค่เสียงพูด แต่รวมถึงภาษาท่าทางและเสียงของภาษาด้วย สำหรับนมแม่กับพัฒนาการของเด็ก ถ้าเทียบกับนมทั่วไป การกินนมแม่มีโอกาสทำให้สุขภาพกายและใจ รวมทั้งพัฒนาการสมองและพัฒนาการทางภาษาดีขึ้น รวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก ทำให้เกิดการเรียนรู้ทางภาษา นมแม่เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาสมองของเด็กให้มีพัฒนาการการเรียนรู้ที่ดีขึ้นได้
รศ.พญ.นิชรา กล่าวอีกว่า จากการสำรวจของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2547-2550 ของเด็กไทยอายุ 1-4 ขวบ ทั่วประเทศ เกี่ยวกับการทดสอบพัฒนาการด้านต่างๆ ทั้งการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ มัดเล็ก การยืน เดิน วิ่ง ทักษะการช่วยเหลือตัวเอง สังคม และทักษะด้านภาษาพบว่า เด็กไทยมีพัฒนาการด้านภาษาไม่สมวัย หรือค่อนข้างช้าประมาณ 20% สำหรับเด็กต่างชาติจะอยู่ที่ประมาณ 5-10% เท่านั้น เด็กที่มีปัญหาเหล่านี้ต้องได้รับการรักษาและฝึกฝนเป็นเวลานาน แต่สามารถป้องกันและสร้างเสริมศักยภาพให้กับเด็กๆ ได้ ก่อนเข้าสู่สภาวะของพัฒนาการล่าช้า นั่นคือการส่งเสริมการอ่านให้กับเด็กโดยเฉพาะช่วง 6 ปีเป็นปฐมวัยช่วงแรกที่ควรเสริมสร้างพัฒนาการการอ่านให้เด็ก
“ความรู้ของเด็กที่อ่านนิทาน 1 เรื่อง จะได้ความรู้ คำศัพท์และการเรียนรู้ด้านภาษามากขึ้น ถ้าพ่อแม่อ่านหนังสือนิทานให้เด็กฟังตั้งแต่อายุ 4 เดือนอย่างสม่ำเสมอ จนเด็กอายุ 36 เดือนหรือ 3 ขวบ เด็กจะได้รับความรู้ที่ส่งเสริมพัฒนาการอย่างมาก โดยเทียบเป็นสถิติได้ดังนี้ พ่อแม่อ่านหนังสือนิทานให้เด็กฟังสม่ำเสมอทุกวัน วันละ 1 เรื่อง จนเด็กอายุครบ 3 ขวบ จะได้รับความรู้จากหนังสือนิทานมากถึง 960 เรื่อง อ่านสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 3 เรื่อง เด็กจะได้รับความรู้ 390 เรื่อง อ่านสัปดาห์ละ 1 เรื่อง เด็กจะได้รับความรู้ 128 เรื่อง พัฒนาการที่เพิ่มขึ้นของเด็กจะเกิดขึ้นได้ พ่อแม่ต้องใส่ใจการอ่านให้กับลูกด้วย” รศ.นิชรากล่าว