เตือนคลินิกจ่ายยากันหวัด หวั่นเกิดผลข้างเคียง
“หมอประเสริฐ” เตือนสติให้ “คลินิก” สั่งจ่าย “โอเซลทามิเวียร์” รักษาหวัด 2009 เผยต้องหารือข้อมูลรอบด้าน หวั่นเกิดผลข้างเคียงเหมือนญี่ปุ่น
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ประธานที่ปรึกษาทางวิชาการและยุทธศาสตร์ด้านการแพทย์และการสาธารณสุขระดับชาติ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีความคิดที่จะขอหารือเกี่ยวกับจ่ายยา “โอเซลทามิเวียร์” รักษาหวัด 2009 ในระดับคลินิกในพื้นที่ต่างๆ ว่าเหมาะสมหรือไม่ว่า
ความเห็นส่วนตัวเห็นว่า ผลดีคือ ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยยาดังกล่าวเร็วขึ้น แต่ผลเสียคือบางคนอาจไปขอยาที่คลินิกใช้เพื่อการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งจุดประสงค์ของทีมวิชาการต้องการให้ยาดังกล่าวใช้เพื่อการรักษามากกว่าการป้องกัน เพราะเกรงเรื่องผลข้างเคียงของยา
“ที่ญี่ปุ่นพบว่าผลข้างเคียงของยาดังกล่าวทำให้เด็กวัยรุ่นฆ่าตัวตาย แต่ในประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลนี้ และไม่ทราบว่าจะเหมือนกับประเทศญี่ปุ่นหรือไม่ เนื่องจากบริบทของคนญี่ปุ่นกับคนไทยในเรื่องการฆ่าตัวตายมีความต่างกัน จึงไม่ทราบว่าในไทยหากใช้ยาเพื่อการป้องกันจะเกิดผลเสียอย่างไร พฤติกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องติดตามและทีมที่ปรึกษาฯจำเป็นต้องมาชั่งน้ำหนักโดยนำข้อมูลรอบด้านมาหารืออีกครั้ง” ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าว
ด้านรศ. (พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิระดับ 11 กรมการแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการกระจายยาดังกล่าวในระดับคลินิก เพราะเรื่องดังกล่าวยังอยู่ในการพิจารณาของฝ่ายวิชาการ ซึ่งต้องพิจารณาอย่างรอบครอบทั้งผลดีและผลเสีย โดยวัตถุประสงค์มาจากดำริที่ต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องการเข้าถึงยาโอเซลทามิเวียร์ของผู้ป่วยช้าไป เพื่อหวังผลการในการดูแลรักษาชีวิตผู้ป่วยให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งการรักษาพยาบาลไม่ใช่เพียงแต่เรื่องยาเพียงอย่างเดียว ยังรวมถึงยาลดไข้ การให้น้ำเกลือ การเฝ้าสังเกตอาการ ฯลฯ เป็นองค์ประกอบร่วมกันในการรักษา
“ข้อดีคือ ผู้ป่วยเข้าถึงยาในการรักษาได้เร็วขึ้น แต่การได้รับยาเร็วนั้นจะเร็วเกินไปจนได้ผลเสียหรือไม่ต้องพิจารณา ทั้งนี้หากมีการกระจายยาในระดับคลินิกท้องถิ่นแล้วค่อนค้างจะมีการคุมการใช้ยายาก อีกทั้งความคิดเห็นส่วนตัวเห็นว่า ผู้ที่มาใช้บริการในคลินิกจะต้องเสียเงินหากได้รับยาโอเซลทามิเวียร์
ในขณะที่หากผู้ป่วยเดินทางไปยังสถานพยาบาลของภาครัฐที่มีสิทธิอยู่ อาทิ สถานพยาบาลสิทธิต่างๆของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิตามโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สิทธิประกันสังคม หรือสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการก็ไม่เสียค่ายา แต่หากคลินิกจะบริหารจัดการอย่างไร”รศ.(พิเศษ)นพ.ทวี กล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTV ผู้จัดการ
Update 27-07-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก