เตรียมพร้อม “วัยโจ๋”
ก่อนถึง พรบ.อนามัยการเจริญพันธุ์
ปัญหา “ท้องไม่พร้อม เซ็กซ์ไม่ปลอดภัย” สู่ “การผลักดันร่างพระราชจบัญญัติอนามัยการเจริญพันธุ์” สะท้อนให้เห็นว่า “ปัญหาสุขภาวะทางเพศ” ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัวอีกต่อไป แต่ได้ยกระดับกลายเป็นปัญหาระดับชาติไปเรียบร้อยแล้ว การเตรียมความพร้อมให้กับเด็กและเยาวชนได้เท่าทันเรื่อง”เพศสัมพันธ์” จึงกลายเป็นเรื่องที่ไม่อาจเก็บงำได้อีกต่อไป
โครงการสื่อละครเพื่อพัฒนาสุขอนามัยวัยเจริญพันธุ์ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ที่ได้รับการสนับสนุนจากแผนสร้างสุขภาวะทางเพศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เน้นให้ความรู้เรื่องเพศศึกษา ด้วยการดึงทักษะการแสดงละครเข้ามาเพื่อเรียกความสนใจจากกลุ่มเด็ก โดยได้
“กลุ่มไม้ขีดไฟ” มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานผ่านเด็กเยาวชน ณัฐยา บุญภักดี ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง (สคส.)กล่าวว่า หากสังคมไทยมี พ.ร.บ.อนามัยการเจริญพันธุ์แล้ว ก็จะเป็นการยกระดับเรื่องเพศให้กลายเป็นเรื่องคุณภาพชีวิตที่รัฐเข้ามาคุ้มครองอย่างเปิดเผย และเรื่องเพศที่คนไทยมักหลบๆ ซ่อนๆแก้ไขปัญหาก็จะไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไป
“การเตรียมความพร้อมให้เด็กและสังคมในเรื่องเพศกลายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาก็เริ่มจากการทำวิจัยก่อนที่จะทดลองให้เด็กที่ท้องเข้าไปเรียนร่วมกับเด็กทั่วไป ซึ่งผลก็ชี้ว่าเด็กในห้องก็ตระหนักถึงเรื่องเซ็กซ์และการท้องมากขึ้น เพราะเห็นความยากลำบากของเพื่อนร่วมชั้นที่ตั้งท้อง 9 เดือนว่า ไม่ใช่เรื่องสนุกอีกต่อไป การมีกิจกรรมที่ปูความพร้อมในเรื่องเพศให้เด็กจึงเป็นเรื่องจำเป็น ไม่น้อยกว่าการทำอย่างไรให้เกิดความร่วมมืออย่างจริงจังในกลไกการผลักดันระดับชาติ” ณัฐยา กล่าว
ศรัทธา ปลื้มสูงเนินแกนนำกลุ่มไม้ขีดไฟ กล่าวว่าเนื่องจากวัยรุ่นเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และเริ่มความรู้สึกทางเพศ การให้ข้อมูลที่ถูกต้องตรงไปตรงมาจึงเป็นเรื่องจำเป็น กิจกรรมละครโรงเล็กจึงเป็นอีกหนึ่งเวทีที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และสร้างทักษะความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องเพศสัมพันธ์ ซึ่งมาพร้อมกับเรื่องความปลอดภัยและความรับผิดชอบ ขณะเดียวกันก็สื่อให้เด็กเข้าใจว่า การพูดถึงเรื่องเซ็กซ์ไม่เป็นความผิดหรือน่าละอาย
“การที่ผู้ใหญ่ให้ข้อมูลเรื่องเพศสัมพันธ์ในบริบทที่เหมาะสม ไม่ได้เป็นการชี้โพรงให้กระรอก แต่เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันและทักษะในชีวิตให้เด็กสามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจและมีความรับผิดชอบในเรื่องเพศสัมพันธ์ได้มากกว่า” ศรัทธา กล่าว
นัชภรณ์ ลิมปิสวัสดิ์ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านท่าเลื่อนสามัคคี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กล่าวว่ากิจกรรมละครโรงเล็กเกี่ยวกับเรื่องสุขภาวะทางเพศนั้นเป็นอีกหนึ่งบทเรียนชีวิตที่ทำให้เด็กเรียนรู้ถึงโทษในการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรโดยไม่มีการป้องกัน ซึ่งหากสอนตามตำราเพศศึกษาในห้องเรียนแล้ว เด็กอาจจะไม่สนใจ แต่เมื่อนำกิจกรรมเข้ามาร่วม พวกเขาก็จะเห็นภาพตามได้มากขึ้น
“กิจกรรมนี้ทำให้เด็กเปลี่ยนความคิด มีการไตร่ตรองก่อนการกระทำโดยเฉพาะเรื่องการคบหาเป็นแฟน ยิ่งเป็นการนำเสนอโดยเด็กวัยรุ่น โอกาสที่เด็กจะรับฟังมีมากกว่าการสอนตามตำรา หรือการอบรมจากพ่อแม่เพียงเพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่ติดเพื่อนและเชื่อเพื่อนมากนอกจากนี้ตัวกิจกรรมจะทำให้เด็กมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เรียกว่าเป็นละครที่เน้นการเรียนรู้เรื่องเพศอย่างเป็นรูปธรรม” นัชภรณ์ กล่าว
ด.ช.ธนพล พันธ์สุนทร หรือน้องอาลัม นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนบ้านนา (ประสิทธิ์วิทยาคาร) กล่าวว่ากิจกรรมครั้งนี้นอกจากจะสอนให้เรียนรู้ถึงการมีเพศสัมพันธ์ที่เหมาะสมตามวัยแล้ว ยังสอนวิธีการกินยาคุมฉุกเฉิน การใส่ถุงยางอนามัย และการตั้งรับหากพลาดตั้งท้อง หรือติดโรค
“กิจกรรมสอนให้เราต้องรู้จักควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ให้ถูกต้องเหมาะสมโดยเฉพาะเรื่องอารมณ์นั้น เชื่อว่าวัยรุ่นหลายคนอยากลองมีเซ็กซ์ก่อนวัยอันควร เพราะฉะนั้นควรจะมีกิจกรรมหรือวิธีจัดการกับอารมณ์ และความต้องการของตัวเองอย่างไรให้ไม่คิดฟุ้งซ่าน เพื่อให้พวกเขาได้รับรู้ถึงภัยก่อนวัย” ธนพล กล่าว
ขณะที่ด.ญ.สุกานดา ขุนพรหมหรือน้องแอ๊ป นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนบ้านนา (ประสิทธิ์วิทยาคาร)กล่าวว่า กิจกรรมสอนให้เธอรู้จักเก็บอารมณ์ของตัวเองทำให้มีสมาธิไม่วอกแวก โดยจะนำสิ่งที่ได้ไปแนะนำเพื่อนที่โรงเรียนว่า ควรทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่าเพิ่งมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน เพราะเป็นเรื่องไม่ดี จะทำให้เรียนไม่จบ ส่วนละครที่แสดงออกมาในกิจกรรมนี้เป็นการสอนให้รู้ว่าเราควรจะหันมาใส่ใจในการเรียน อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องการมีแฟน เพราะบางคนมีแฟนก็จะไม่ตั้งใจเรียนทำตัวเหลวไหล
ด้าน ด.ญ.สายฝน ชาญสูงเนิน หรือน้องหวานนักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนบ้านท่าเลื่อนสามัคคี เล่าประสบการณ์จากคนรอบข้างที่ท้องระหว่างเรียนว่า ตอนแรกดูเหมือนจะไม่กล้าที่จะปรึกษาใคร แม้แต่เพื่อนก็ไม่สามารถให้คำปรึกษาได้ เลยตัดสินใจปรึกษาพ่อกับแม่ เพราะคิดว่าเป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุด และเป็นโชคดีที่พ่อกับแม่ของเพื่อนเข้าใจและเห็นใจจนกลับมาใช้ชีวิตวัยเรียนได้
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
update:09-07-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่