เตรียมความพร้อมสร้างความเข้มแข็งระบบบริการสุขภาพไทย รองรับอาเซียน
ที่มา : สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
แฟ้มภาพ
กระทรวงสาธารณสุข ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยนเรศวร ดำเนินโครงการขับเคลื่อนปฏิญญานครสวรรค์ และค้นหานวัตกรรมการบริการสุขภาพภาคปฐมภูมิดีเด่นระดับเขตในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง และปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ทิศทางการพัฒนาระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิของไทย
นายแพทย์ สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดโครงการขับเคลื่อนปฏิญญานครสวรรค์ และค้นหานวัตกรรมการบริการสุขภาพภาคปฐมภูมิดีเด่นระดับเขตในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง และปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ทิศทางการพัฒนาระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิของไทย เพื่อดูแลสุขภาพประชาชนไทย รองรับเข้าสู่ประชาคมอาเซี่ยน
นายแพทย์สุรวิทย์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 5 จังหวัด ที่อยู่ในเขตภาคเหนือตอนล่าง ประกอบด้วย กำแพงเพชร ชัยนาท พิจิตร อุทัยธานี และนครสวรรค์ ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นสถาบันวิชาการที่ผลิตบุคคลากรการแพทย์และสาธารณสุข ประกาศปฏิญญานครสวรรค์ เพื่อสร้างความเข้มแข็งระบบบริการสุขภาพขั้นปฐมภูมิในพื้นที่ เมื่อ พ.ศ.2553 ที่จังหวัดนครสวรรค์ ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่
1 การสร้างคน สร้างเครือข่าย
2.สร้างบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่จำกัดเขตแดนจังหวัด
3. สร้างพลังจัดการแบบมีส่วนร่วม
4 สร้างนวัตกรรมการให้บริการสุขภาพ
ซึ่งเป็นการดำเนินตามหลักการสาธารณสุขมูลฐานขององค์การอนามัยโลก ที่มุ่งมั่นพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิและเป็นการผลักดันให้เกิดนโยบายสาธารณสุขในระดับหนึ่ง ซึ่งตรงกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องกากรให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งเป็นเรื่องที่นำไปเป็นแบบอย่างในที่อื่นๆของประเทศ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า ระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ เป็นบริการด่านแรกที่ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพของประชาชนในหมู่บ้านชุมชนทั่วประเทศ ได้แก่ ศูนย์สุขภาพชมชนเมือ หรือ ศสช. และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. ที่มีประมาณ 10,000 แห่ง ครอบคลุมทั้งด้านการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การฟื้นฟูสภาพและการรักษาพยาบาล ซึ่งหากระบบบริการส่วนนี้มีความเข้มแข็ง จะเป็นที่พึ่งสุขภาพของประชาชนที่อยู่ใกล้บ้าน ใกล้ใจที่สด ประชาชนไม่ต้องเดินทางไปใช้บริการที่โรงพยาบาลใหญ่ จะสามารถลดความแออัดของโรงพยาบาลได้ ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายพัฒนาศักยภาพบริการให้ รพ.สต. และ ศสช. ตรวจรักษาพยาบาลโรคทั่วไป จัดบุคลาการ เครื่องมือแพทย์และยา เพื่อให้สามารถดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เริ่มที่เบาหวาน และความดันโลหิตสูงก่อน ผู้ป่วยสามารถติดตามการรักษาใกล้บ้าน และจัดระบบการแพทย์ทางไกล จะทำให้ลดค่าใช้จ่ายประชาชน และป้องกันไม่ให้ประชาชนป่วย โดยไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียม 30 บาท แม้ว่าจะได้รับยาก็ตาม
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวตอนท้ายว่า ที่สำคัญในขณะนี้ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซี่ยนในปี 2558 จะเกิดความเปลี่ยนแปลงต่อระบบการให้บริการทางการแพทย์ในประเทศไทยอย่างมาก คาดว่าจะเกิดธุรกิจบริการทางสุขภาพอย่างชัดเจน 4 ด้าน คือ 1 การบริการทางไกล เช่น การให้คำปรึกษาผ่านระบบเทเลคอนเฟอเรนซ์ 2 การรับบริการข้ามพรมแดน เช่นการที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางให้บริการสุขภาพ 3. การข้ามชาติไปลงทุนบริการในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ธุรกิจโรงพยาบาล บริการสุขภาพ และอุตสาหกรรมยา 4.การเคลื่อนย้ายแรงงานด้านสุขภาพ เช่น แพทย์เฉพาะด้านพยาบาล นักเทคนิคการแพทย์ เป็นต้น ประเทศไทยจึงต้องเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับระดับชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดของระบบการดูแลสุขภาพตนเองของคนไทย สิ่งที่จะสามารถเป็นเกาะป้องกันความเสียหายแก่ภาวะสุขภาพประชาชนและระบบบริการ