‘เด็กไทยแก้มใส’ กินเพิ่มทักษะชีวิต

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ


\'เด็กไทยแก้มใส\' กินเพิ่มทักษะชีวิต thaihealth


สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงริเริ่มงานพัฒนาด้านอาหารโภชนาการ และสุขภาพในเด็กและเยาวชน ด้วยทรงตระหนักว่าเด็กและเยาวชน เป็นพลังสำคัญของประเทศในอนาคตเมื่อ 35 ปีก่อน


เวทีการประชุมวิชาการ "ตามรอยพระยุคลบาท พัฒนาอาหาร โภชนาการ และสุขภาพเด็กในโรงเรียน" เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และนำเสนอผลการดำเนินงานตามรอยพระบาท ในการพัฒนาอาหาร โภชนาการ และสุขภาพเด็กในโรงเรียนอย่างยั่งยืน จัดโดยสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  สยามบรมราชกุมารี และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภายใต้โครงการเด็กไทยแก้มใส (Healthy Kids, Healthy Food) เริ่มต้นดำเนินโครงการเมื่อปี 2557 น้อมนำแนวทางการดำเนินงานและเจริญรอยตามพระราชดำริ


\'เด็กไทยแก้มใส\' กินเพิ่มทักษะชีวิต thaihealth


น.ส.เพลินพิศ หาญเจริญวนะภูษิต ผู้จัดการโครงการประมวลองค์ความรู้ฯ สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  สยามบรมราชกุมารี กล่าวว่า โครงการเด็กไทยแก้มใสต้องการให้เกิดการขยายผลไปในภาคประชาชน ซึ่งจัด ทำแนวทางไว้ใน 8 กิจกรรม ได้แก่ 1. การเกษตรในโรงเรียน 2. สหกรณ์นักเรียน 3. การจัดการ บริการอาหารของโรงเรียน 4. การติดตามภาวะโภชนาการ 5. การพัฒนาสุขนิสัยของนักเรียน 6. การพัฒนาอนามัยสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนให้ถูกสุขลักษณะ 7. การจัดบริการสุขภาพ และ 8. การจัดการเรียนรู้ เกษตร โภชนาการ และสุขภาพอนามัย โดยมีเป้าหมายที่จะให้เด็กนักเรียนทุกคนมีโภชนาการดี สุขภาพแข็งแรง ใฝ่เรียนรู้ ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาทักษะที่จำเป็น


โครงการเด็กไทยแก้มใส มีโรงเรียนนำร่องในทุกสังกัดทั่วประเทศกว่า 544 แห่ง กระจายอยู่ใน 5 ภูมิภาค 4 สังกัด ได้แก่ สพฐ. อปท. สช. และ กทม. โดยผลการดำเนินงานพบว่า การน้อมนำแนวทางพระราชดำริมาปฏิบัติ ส่งผลให้นักเรียนมีพัฒนาการทางโภชนาการ สุขภาพ สติปัญญา และจริยธรรมที่ดีขึ้น


\'เด็กไทยแก้มใส\' กินเพิ่มทักษะชีวิต thaihealth


ด้าน นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า สสส.จะนำผลประมวลองค์ความรู้จากประสบการณ์การดำเนินงาน ตามโครงการพระราชดำริทั่วประเทศ นำไปเป็นกรอบแนวทางสนับสนุนการดำเนินงานของโรงเรียน ที่ได้เข้าร่วมโครงการเด็กไทยแก้มใส เพื่อนำไปสู่การเป็นต้นแบบในการถ่ายทอดขยายผลต่อไป รวมทั้งสร้างโอกาสในการผลักดันนโยบายด้านอาหารที่ส่งผลดีต่อสุขภาพของเด็ก ผ่านการดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้ต้นแบบเด็กไทยแก้มใส ให้เป็นที่รับรู้และเกิดความตระหนักของผู้บริหารโรงเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนจนเกิดการขยายผลไปทั่วประเทศได้อย่างต่อเนื่อง


"การสร้างสุขภาพในเด็ก และเยาวชนเป็นอีกยุทธศาสตร์หนึ่งที่ สสส. ตระหนัก และให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อผลักดันให้ทุกคน ทุกองค์กร ในสังคมร่วมกันเจริญรอยตามรอยพระบาทเจ้าฟ้านักโภชนาการ สร้างคุณภาพและทักษะชีวิตให้เด็กไทยมีสุขภาพแข็งแรง มีคุณภาพต่อสังคมยั่งยืนต่อไป" ผอ.สำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าว


\'เด็กไทยแก้มใส\' กินเพิ่มทักษะชีวิต thaihealth


ทั้งนี้ "โรงเรียนบ้านโคกจำเริญ จ.สุรินทร์" ก็เป็นหนึ่งในโรงเรียนนำร่องของโครงการเด็กไทยแก้มใส โดย นายถวิล บุญเจียม ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโคกจำเริญ เล่าว่าเป้าหมายของโรงเรียนบ้านโคกจำเริญ คือ อยากให้เด็กร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง และการได้ดูแลเด็กที่สุขภาพไม่แข็งแรง ผอม ให้มีร่างกายที่แข็งแรง การพัฒนาทางสมองและร่างกายเป็นไปอย่างสมวัย และต้องการสร้างสุขนิสัยการกิน รวมถึงให้เด็กดีทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน โดยมีการประยุกต์องค์ความรู้จากการดำเนินงานตามรอยพระบาทตาม 8 แนวทางของโครงการเด็กไทยแก้มใส และยังได้มีการแยกกลุ่มเด็กออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มน่ารัก เป็นกลุ่มที่ต้องเพิ่มไข่หรือผลไม้ กลุ่มผู้ชาย-ผู้หญิง เป็นกลุ่มที่มีภาวะโภชนาการปกติ และกลุ่มเด็ก เป็นกลุ่มที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งสามกลุ่มนี้จะมีการติดตาม วิเคราะห์ ต่อยอด เพื่อแก้ปัญหาการขาดภาวะโภชนาการ และหลังจากนี้จะให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม ด้วยการผลักดันให้ชาวบ้านเป็นวิทยากรภายในโรงเรียนอีกด้วย


"1 ปีของการทำโครงการเด็กไทยแก้มใส ผ่านการสนับสนุนของ สสส. ทำให้ทุกส่วนในโรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้ของนักเรียน มีการวางแผนทำเมนูอาหารกลางวันตาม Thai School Lunch ด้วย การปรับวัตถุดิบตามที่เรามี โดยคำนึงถึงสารอาหาร มีการวางแผนการผลิตทางการเกษตร เพื่อนำไปป้อนให้กับโครงการอาหารกลางวัน และที่สำคัญเด็กยังได้ทักษะต่าง ๆ มากขึ้น เช่น ทักษะการชั่งน้ำหนักผัก การขายผัก เด็กได้เรียนรู้การลงบันทึกบัญชีผลผลิต" ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโคกจำเริญ บอกเล่า


โครงการเด็กไทยแก้มใสนอกจากทำให้เด็กมีภาวะโภชนาการและสุขภาพอนามัยที่ดีแล้วยังทำให้เกิดทักษะชีวิตในการผลิตอาหารปลอดภัย จะส่งผลเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ได้เข้าใจคำว่า "กินเป็น"

Shares:
QR Code :
QR Code