ที่มา: สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

แฟ้มภาพ

          รองนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่จ.ชัยนาทติดตามการขับเคลื่อนโครงการบรรเทาอุทกภัยลุ่มเจ้าพระยาเดินหน้าปรับปรุงคลองระบายน้ำหลากชัยนาท-ป่าสัก

          วัดอินทรารามตำบลตลุกอำเภอสรรพยาจังหวัดชัยนาทพลเอกฉัตรชัยสาริกัลยะรองนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยนายสมเกียรติประจำวงษ์เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.)นายแพทย์สุวรรณชัยวัฒนายิ่งเจริญชัยอธิบดีกรมควบคุมโรคและนายทวีศักดิ์ธนเดโชพลรองอธิบดีกรมชลประทานพร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่จังหวัดชัยนาทเพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการบรรเทาอุทกภัยลุ่มเจ้าพระยาโดยมีนายรณภพเหลืองไพโรจน์ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาทพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและประชาชนชาวจังหวัดชัยนาทให้การต้อนรับ

          หลังจากนั้นรองนายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่บริเวณคลองชัยนาท-ป่าสักตำบลอู่ตะเภาอำเภอมโนรมย์จังหวัดชัยนาทเพื่อติดตามความคืบหน้าการปรับปรุงคลองชัยนาท-ป่าสักโดยระบุว่าสำหรับการลงพื้นที่จังหวัดชัยนาทในครั้งนี้เพื่อติดตามการขับเคลื่อนโครงการบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาโครงการคลองระบายน้ำหลากชัยนาท-ป่าสักเป็น1ใน9แผนงานบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างโดยเป็นการปรับปรุงคลองชัยนาท-ป่าสักเดิมให้มีประสิทธิภาพในการระบายน้ำหน้าเขื่อนเจ้าพระยาเป็น930ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีลักษณะเป็นคลองส่งน้ำคูคลองระบายน้ำความยาว134กิโลเมตรวงเงิน36,400ล้านบาทปัจจุบันอยู่ในระหว่างสำรวจออกแบบคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี2563-2566ซึ่งจะนำโครงการเข้าสู่ระบบงบประมาณในปี2564ซึ่งโครงการดังกล่าวจะตัดยอดน้ำหลากในแม่น้ำเจ้าพระยาเหนือเขื่อนเจ้าพระยารวมถึงเก็บน้ำในคลองขุดใหม่ได้54ล้านลูกบาศก์เมตรเมื่อดำเนินการร่วมกับคลองระบายน้ำหลากป่าสัก-อ่าวไทยเพื่อระบายออกสู่อ่าวไทยอีกทางหนึ่งจะสามารถลดพื้นที่น้ำท่วมได้ถึง3.48ล้านไร่และเชื่อว่าหากดำเนินการได้ครบทุกโครงการจะสามารถแก้ปัญหาอุทกภัยได้ทั้งระบบ

          ด้านนายสมเกียรติประจำวงษ์เลขาธิการสทนช.กล่าวว่าสทนช.สรุปผลการดำเนินงานด้านแหล่งน้ำตามยุทธศาสตร์บริหารจัดการทรัพยากรน้ำพบว่าปี2557-2561ในพื้นที่เจ้าพระยาตอนล่างมีการดำเนินโครงการด้านแหล่งน้ำรวม6,574โครงการพื้นที่รับประโยชน์2.5ล้านไร่ประชาชนได้รับประโยชน์747,667ครัวเรือนส่วนแผนการดำเนินงานในปี2563มีทั้งสิ้น2,700โครงการงบประมาณ24,575.92ล้านบาทมีพื้นที่รับประโยชน์รวม42,220ไร่ประชาชนได้รับประโยชน์101,312ครัวเรือน