‘เกาะขันธ์โมเดล’ ทุนท้องถิ่นสร้างเงิน
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ศูนย์สนับสนุนวิชาการเพื่อการจัดการเครือข่ายพื้นที่ภาคใต้ตอนบน (ศวภ.ใต้ตอนบน) ต.เกาะขันธ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือขับเคลื่อนเครือข่ายตำบลสุขภาวะ ต.เกาะขันธ์ และเครือข่ายตำบลพัฒนา 12 ตำบล และลงพื้นที่ดูต้นแบบการจัดการตนเองของเกษตรกร โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
โกเมศร์ ทองบุญชู ผู้จัดการโครงการพัฒนาระบบและโครงข่ายการจัดการภัยพิบัติด้วยพลังสังคมพื้นที่ภาคใต้ กล่าวว่า สสส. โดย สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สนับสนุนให้เกิดปฏิบัติการของชุมชนที่สอดคล้องกับแนวนโยบาย จึงได้สนับสนุนการทำงานร่วมกับ 12 ตำบลในภาคใต้ ที่มีศักยภาพในการทำหน้าที่เป็น "ศูนย์จัดการเครือข่ายสุขภาวะชุมชน" เพื่อทำหน้าที่เป็นกลไกในการบริหารจัดการเครือข่าย และใช้ประสบการณ์จากบทเรียนในพื้นที่ ต.เกาะขันธ์ เป็นพื้นที่ต้นแบบในการออกแบบการเรียนรู้ร่วมกัน ดำเนินการมา 1 ปี ชุมชนในพื้นที่ ต.เกาะขันธ์ รู้จักการ บูรณาการตัวเอง ทำให้เกิดพื้นที่ต้นแบบในด้านต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดการน้ำ การขับเคลื่อนชุมชนด้วยวิถีอิสลาม กลุ่มแปรรูปกล้วยไข่ รวมไปถึงมีเยาวชนต้นแบบเกษตรกรหัวใจใหม่
คนต้นแบบ ลิขิต แย่งกุลเชาว์ อายุ 26 ปี คนรุ่นใหม่ที่หันหลังให้กับตลาดแรงงานภาคธุรกิจสู่การเป็นคนต้นแบบเกษตรกรหัวใจใหม่ เล่าว่า เดิมทีทำอาชีพออกแบบกราฟิก จนวันหนึ่งตัดสินใจหันมาทำเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกถั่วดาวเป็นพืชหลักสลับกับปลูกพืชระยะสั้นหมุนเวียนด้วยการใช้ต้นทุนที่มีอยู่ จากการใช้ที่ดินของครอบครัวและใช้แหล่งน้ำจากอ่างน้ำห้วยน้ำใส ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้น นอกจากนี้ยังเรียนการทำน้ำหมักชีวภาพโดยศึกษาจากอินเทอร์เน็ตจนเกิดเป็นน้ำหมักชีวภาพจากปลาทะเลขึ้น และจากการเก็บข้อมูลหลังจากใช้น้ำหมัก ชีวภาพฯ พบว่า ผลผลิตเพิ่มขึ้น มีอายุการเก็บยาวนานขึ้น ในปี 2559 จึงเริ่มขยายน้ำหมักชีวภาพสู่ชุมชนและเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้
ด้าน นายบุญเสริม คชลักษณ์ อายุ 46 ปี ประกอบอาชีพเลี้ยงด้วง เกษตรกรที่ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เล่าว่า เดิมทีตนเลี้ยงไก่ไข่ในบริเวณบ้าน แต่เกิดปัญหาในเรื่องของกลิ่น ทำให้เลิกเลี้ยงในที่สุด จนเมื่อปีที่แล้วชุมชนบ้านลานนาได้มีการสร้างฝาย จึงจำเป็นต้องขุดเอาต้นปาล์มสาคูออกเพื่อทำการเปิดฝาย จึงนำต้นปาล์มสาคูที่ถูกขุดทิ้งมาปลูก เพราะในต้นสาคู มีด้วงสาคูอยู่ และได้ขยายพันธุ์ด้วงสาคูจนเป็นฟาร์มได้ในปัจจุบัน ซึ่งด้วงจะไม่กินแป้งในต้นสาคูแต่จะกินแค่ส่วนที่เป็นเส้นใย จึงสกัดเอาแป้งออกแล้วนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำขนมขายเกิดเป็นรายได้เพิ่ม ในบริเวณพื้นที่รอบ ๆ โรงเลี้ยงด้วงก็จะปลูกผักและเลี้ยงปลา ซึ่งปัจจุบันมีรายได้จากการขายด้วงสาคูประมาณ 8,000-12,000 บาทต่อเดือน และจากการขายขนมครั้งละ 1,200 บาทต่อครั้ง
ชุมชนไม่มีหนี้และรู้จักเก็บออมก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประชาชนพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน นายกะแมน ยุทธกาศ ผู้จัดการธนาคารหมู่บ้านบ้านทุ่งใหญ่ อธิบายถึงแนวคิดในการจัดตั้งธนาคารหมู่บ้านบ้านทุ่งใหญ่ว่า ต้องการสร้างระบบการเงินชุมชนที่ถูกตามหลักศาสนาอิสลาม ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งสิ้น 700 คน มีเงินทุนในการดำเนินงาน 40 ล้านบาท นอกจากนี้ในแต่ละปียังมีการแบ่งเงินจากธนาคาร 15% นำไปใช้แก้ไขปัญหาเรื่องน้ำในชุมชน
ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง คือ การบริหารจัดการทุน ไม่ว่าจะเป็น คน องค์กรชุมชน ทรัพยากร ฯลฯ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา พัฒนาชุมชน ดังเช่นในพื้นที่ตำบลเกาะขันธ์ จ.นครศรีธรรมราช