อึ้ง! เด็กไทยใช้ชีวิตอยู่ใน ร.ร.มากถึง 15 ปี แนะเพิ่มทักษะดำรงชีวิต

 

สสค.เผยระบบการศึกษาไทย ทำเด็กเยาวชนอยู่ในโรงเรียนนานถึง 12-15 ปี แต่พบเด็กทุกรุ่นเมื่ออายุ 18 ปี กลับมีจำนวน 6 ใน 10 คน ต้องออกจากระบบการศึกษาเฉียบพลัน หลังขาดความพร้อม แนะเพิ่มทักษะการดำรงชีวิต อาชีพ และพัฒนาตนเอง

เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2556 “ดร.รุ่งนภา จิตรโรจนรักษ์” นักวิชาการยุทธศาสตร์ส่งเสริมการเรียนรู้สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) กล่าวถึงผลการศึกษาเส้นทางชีวิตของเด็กไทยพบว่า แต่ละปีมีเด็กเกิดเฉลี่ย 8 แสนคน หากเปรียบเทียบเป็นอัตราส่วนในจำนวนเด็ก 10 คน แต่ละรุ่นที่เกิดปีเดียวกันจะมี 1 คน (13%) เรียนไม่จบ ม.3 หรือไม่จบแม้แต่การศึกษาภาคบังคับ, เด็ก 3 คน (30%) เรียนจบ ม.3 แล้วเลิกเรียน , เด็ก 2 คน (21%) เรียนจนจบ ม.6/ปวช. แล้วไม่ได้เรียนต่ออุดมศึกษา เหลือเพียงเด็ก 4 คน (36%) ที่เรียนต่อระดับอุดมศึกษา แต่มีเพียง 3 คนที่สำเร็จการศึกษาและในจำนวนนี้มีเพียง 1 คนเท่านั้นที่จบมาแล้วมีงานทำภายใน 1 ปี

“สอดคล้องกับผลการสำมะโนประชากรของสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2553 ที่พบว่าประชากรอายุ 15-19 ปี ซึ่ง เป็นวัยที่อยู่ในระดับ ม.ปลาย ปวช. หรือเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยแต่ในความเป็นจริงกลุ่มนี้จำนวนมากถึง 1.2 ล้านคนหรือประมาณ 1 ใน 4 ต้องออกมาทำงานแล้ว ขณะที่เยาวชนอายุ 20-24 ปีหรือในวัยที่อยู่ระดับอุดมศึกษาหรือสายอาชีพชั้นสูง แต่พบว่ากลุ่มนี้ออกมาทำงานจำนวน 2.8 ล้านคน (61%) และไม่ทำงานจำนวน 1.7 ล้านคน (36%) ตัวเลขนี้จึงสอดคล้องกับการเปรียบเทียบเด็กสิบคนที่พบว่ามีเพียง 4 ใน 10 คนเท่านั้นที่เรียนต่ออุดมศึกษา”

ดร.รุ่งนภากล่าวต่อว่า ระบบการศึกษาพื้นฐานได้จับเด็กเยาวชนเข้ามาอยู่ในโรงเรียนยาวนาน 12-15 ปี แต่เด็กทุกรุ่นเมื่ออายุ 18 ปี กลับพบว่ามีเด็กจำนวนมากถึง 6 ใน 10 คน ต้องออกจากระบบการศึกษาและกลายเป็นผู้ใหญ่อย่างเฉียบพลันโดยขาดการเตรียมความพร้อม อย่างไรก็ตาม ทางออกของการศึกษาจึงไม่ควรเพิ่มที่นั่งในมหาวิทยาลัย แต่สิ่งสำคัญคือการเตรียมความพร้อมทางทักษะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ทักษะอาชีพและการพัฒนาตนเอง

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Shares:
QR Code :
QR Code